ความชุกของการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยาต้านไวรัสเอชไอวีด้วยตนเอง ของผู้ป่วยเอชไอวี ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความชุกและสาเหตุของการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยาต้านไวรัสเอชไอวีด้วยตนเอง วิธีการเก็บรักษายา และการตระหนักถึงความคงตัวของยาหลังเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยาต้านไวรัสเอชไอวี วิธีการ: การวิจัยเชิงผสมผสานครั้งนี้ทำในผู้ป่วยเอชไอวีอายุ 20 ปีขึ้นไปที่ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีนานกว่า 6 เดือน การศึกษาประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนที่ 1 เป้นการวิจัยเชิงปริมาณซึ่งเก็บข้อมูลจากผู้ป่วย 302 รายด้วยแบบสอบถามชนิดตอบด้วยตนเอง ตัวแปรที่เก็บได้แก่ ความชุกและสาเหตุของการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยาต้านไวรัสเอชไอวีด้วยตนเอง การใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีของผู้ป่วย และการตระหนักถึงความคงตัวของยาหลังจากเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยา การศึกษาส่วนที่ 2 เป้นการวิจัยเชิงคุณภาพที่เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกในผู้ป่วย 30 รายเกี่ยวกับสาเหตุและรูปแบบการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยา รูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ต้องการ และการตระหนักถึงความคงตัวของยาหลังจากเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยา ผลการวิจัย: ผู้ป่วยร้อยละ 58.6 เคยเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยาต้านไวรัสเอชวีด้วยตนเอง รูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ใช้มากสุด คือ ซองซิป (ร้อยละ 40.11) สาเหตุหลักของเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ คือ ความสะดวกในการใช้ยาขณะอยู่กับผู้อื่น (ร้อยละ 91.53) ผู้ป่วยร้อยละ 31.79 เสนอให้ปรับขนาดกระปุกยาให้เล็กลง ผู้ป่วยต้องการให้บนฉลากยาระบุวันหมดอายุ (ร้อยละ 35.90) ผู้ป่วยร้อยละ 13.25 เคยพบว่าเม็ดยามีลักษณะที่เปลี่ยนไป โดยผู้ป่วยร้อยละ 81.13 คิดว่าเกิดจากแสง อากาศ ความร้อน และความชื้น ผู้ป่วยร้อยละ 66.23 คิดว่า ยาทุกชนิดมีวิธีเก็บรักษาเหมือนกัน สรุป: ผู้ป่วยร้อยละ 58.6 เคยเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ยาต้านไวรัสเอชไอวีด้วยตนเอง ผู้ป่วยยังขาดความตระหนักในการเก็บรักษายาอย่างถูกวิธี เภสัชกรควรให้ความรู้เรื่องวิธีการเก็บรักษายาและผลกระทบของการใช้ยาเสื่อมคุณภาพ
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผลการวิจัยและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความถือเป็นความคิดเห็นและอยู่ในความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์ มิใช่ความเห็นหรือความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ หรือคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากการพิมพ์ บทความที่ได้รับการเผยแพร่โดยวารสารเภสัชกรรมไทยถือเป็นสิทธิ์ของวารสารฯ
เอกสารอ้างอิง
UNAIDS. Global HIV & AIDS statistics — Fact sheet [online]. 2024 [cited Aug 5, 2024]. Available from: www.unaids.org/en/resources/fact-sheet
HIV Info Hub. Estimated HIV infections, Thailand [online]. 2024 [cited Aug 5, 2024]. Available from: hivhub.ddc.moph.go.th/epidemic.php.
Srirach C, Boonshuyar C, Pacheun O. Health behaviors and adherence to antiretroviral drug among people living with human immunodeficiency virus. Journal of Nursing Siam University 2019; 19: 39-55.
Kheswa JG. Exploring the factors and effects of non-adherence to antiretroviral treatment by people living with HIV/AIDS Indo-Pac. J Phenomenol 2017; 17: 1-11. doi.org/10.1080/20797222.2017.1280923
Sananmuang W, Chanthapasa K. Belief in medicines and medication adherence of people living with HIV: A Case Study of a hospital in Chaiyaphum province. Thai Journal of Pharmacy Practice 2022; 14: 857-67.
Muiruri C, Jazowski SA, Semvua SK, Karia FP, Knettel BA, Zullig LL. et al. Does antiretroviral therapy packaging matter? Perceptions and preferences of antiretroviral therapy packaging for people living with HIV in Northern Tanzania. Patient Prefer Adherence 2020; 14: 153-61.
Gutierrez PM, Wortzel HS, Forster JE, Leitner RA, Hostetter TA, Brenner LA. Blister packaging medication increases treatment adherence in psychiatric patients. J Psychiatr Pract 2017; 23: 320-7.
Ramadhani HO, Muiruri C, Maro VP. Patient-initiated repackaging of antiretroviral therapy, viral suppression and drug resistance. AIDS Behav 2018; 22: 1671–8.
Ruxrungtham K, Chokephaibulkit K, Chetchotisakd P, Chariyalertsak S, Kiertburanakul S, Putacharoen O, et al. Thailand national guidelines on HIV/AIDS treatment and prevention 2021/2022. Nonthaburi: Division of AIDS and STIs, Department of Disease Control; 2022. p. 65-6.
Drug Database. FDA-approved HIV/AIDS and opportunistic infection drugs and investigational HIV/AIDS drugs [online]. 2021 [cited Sep 26, 2022]. Available from: clinicalinfo.hiv.gov/en/drugs
Sasiprapa C. Drug stability [online]. 2018 [cited Sep 12, 2022]. Available from: ccpe.pharmacycouncil. org/index.php?option=article _detail&subpage=article_detail&id=484
Krejcie RV, Morgan DW. Determining sample sizes for research activities. Educ Psychol Measur 1970; 30: 607-10.
Chantavanich S. Data analysis in qualitative research. 12th ed. Bangkok: Chulalongkorn University; 2016.
Denzin NK. Triangulation: A case for methodological evaluation and combination. In: Sociological methods: A sourcebook. New York: McGraw-Hill; 1978. p. 339–57.
Sutthiwet D. Antiretroviral drug interactions. Thai Journal of Pharmacy Practice 2017; 9: 448-62.
Notification of the Ministry of Public Health in 2022 on service standards of medical facilities regarding drug packaging labels. Royal Gazette No. 139, Part 61D special (Mar 16, 2022)
Earnshaw VA, Chaudoir SR. From conceptualizing to measuring HIV stigma: a review of HIV stigma mechanism measures. AIDS Behav 2009; 13: 1160-77. doi: 10.1007/s10461-009-9593-3.
