บทบาทของเภสัชกรปฐมภูมิในภาครัฐ: การศึกษาเชิงคุณภาพในประเทศไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อค้นนิยามและอธิบายบทบาทของเภสัชกรที่จำเป็นในการบรรลุพันธกิจของบริการปฐมภูมิในประเทศไทย วิธีการ: การศึกษาใช้วิธีการเชิงคุณภาพแบบปรากฏการณ์วิทยา ผู้ให้ข้อมูล 18 คนได้รับการคัดเลือกโดยการเลือกแบบเจาะจงประกอบด้วยผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม 12 คน ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ 3 คน และผู้นำในวิชาชีพสุขภาพ 3 คน ผู้ให้ข้อมูลได้รับการสัมภาษณ์ตามแนวคำถามแบบกึ่งโครงสร้างและคำถามปลายเปิด เทปบันทึกเสียงสัมภาษณ์ถูกถอดและวิเคราะห์โดยการวิเคราะห์ประเด็น การสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วมถูกใช้ในการเก็บข้อมูลด้วยหากผู้เข้าร่วมการวิจัยอนุญาต การเก็บรวบรวมข้อมูลสิ้นสุดลงเมื่อแนวคิดที่พบมีความอิ่มตัวและไม่มีข้อมูลใหม่ปรากฏขึ้น การตรวจสอบสามเส้าในส่วนของข้อมูลสำคัญทำโดยเก็บข้อมูลจากสามแหล่งข้อมูลเพื่อให้มั่นใจถึงความน่าเชื่อถือของการศึกษา ผลการศึกษา: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึง สถานการณ์ใน 3 ประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนาบทบาทของเภสัชกรในประเทศไทยในเรื่องบริการปฐมภูมิ ได้แก่ 1) เภสัชกรปฐมภูมิท่ามกลางการพัฒนาแนวคิด 2) บทบาทของเภสัชกรที่มีอยู่ในสถานบริการปฐมภูมิ และ 3) โอกาสในอนาคตของเภสัชกรปฐมภูมิ แนวคิดเภสัชกรปฐมภูมิมีลักษณะเป็นพลวัตรและขึ้นอยู่กับบริบท-ยากที่จะกำหนดขอบเขตอย่างชัดเจนถึงงานที่เภสัชกรมีบทบาทในบริการปฐมภูมิ บทบาทที่มีอยู่แบ่งเป็น 4 กลุ่ม; 1) ผู้ประกอบวิชาชีพในการรักษา 2) ผู้จัดการโรค 3) ผู้เพิ่มขีดความสามารถด้านสุขภาพแก่ชุมชน และ 4) ผู้ดูแลโลจิสติกส์ของยาในชุมชน บทบาทของเภสัชกรในอนาคตคาดว่าจะเป็นไปในเชิงรุกและมีความสามารถในการทำงานแบบบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพและมีบทบาททั้งในด้านวิชาชีพและผู้ประสานงานด้านสุขภาพ ในประการสุดท้าย แนวคิดเรื่องบทบาทของ "เภสัชกรครอบครัว" ซึ่งเป็นแนวทางการดูแลผู้ป่วยปรากฏขึ้นจากการศึกษาครั้งนี้ สรุป: บทบาทของเภสัชกรในการดูแลผู้ป่วยแบบปฐมภูมิถูกระบุอย่างชัดเจนในการศึกษาครั้งนี้ แนวคิดเรื่องบทบาทเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการในขั้นตอนต่อไปเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเติมเต็มการพัฒนาสมรรถนะของระบบบริการปฐมภูมิของประเทศ ผลการศึกษานี้เป็นหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนเภสัชกรปฐมภูมิให้มีบทบาทและได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในระบบสาธารณสุขทั่วประเทศ
Article Details
ผลการวิจัยและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความถือเป็นความคิดเห็นและอยู่ในความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์ มิใช่ความเห็นหรือความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ หรือคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากการพิมพ์ บทความที่ได้รับการเผยแพร่โดยวารสารเภสัชกรรมไทยถือเป็นสิทธิ์ของวารสารฯ
References
2. Tanakijjaroen P. Ten years of the Thai national health security and primary care services development [online]. 2012 [cited Jul 14, 2012]. Available from: hdl .handle.net/123456789/3470
3. Canadian Pharmacists Association. Pharmacists and primary health care [online]. 2004 [cited Nov 2, 2011]. Available from: www.pharmacists.ca/content/about_c pha/whats_happening/cpha_in_action/pdf/primaryhea lth2a.pdf.
4. Yhangkratoke S. Performance by standard of primary care units [online]. 2003 [cited Jul 17, 2012]. Available from: med info2.psu.ac.th/commed/activity/year2/a10 pcu.pdf.
5. Nitayarumphong S. Evolution of primary health care in Thailand: what policies worked?. Health Policy Plan 2011; 5: 246-54.
6. Srivanichakorn S, Yana T, Chalordej B. Primary care service situation in Thailand in the year 2010. Nakorn Pathom: Office of Research and Development in Community Health system; 2011.
7. Creswell JW. Qualitative inquiry & research design. 2th ed. CA: Sage Publications; 2007.
8. van Manen M. Researching lived experience: Human sciences for an action sensitive pedagogy. Albany: State University of New York Press; 1990.
9. Lincoln YS. Guba EG. Naturalistic inquiry. Newbury Park, CA: Sage Publications; 1985.
10. Chalongsuk R., Lochid-amnuay S., Sribundit N., Tangtrakultham S. Pharmacist’s primary care service: a case study from National Health Security Office region 5 Ratchburi. Ratchburi: National Health Security Office region 5; 2015.
11. Wongkpratoom S, Srisuphan W, Senaratana W, Nantachai- pan P, Sritanyarat W. Role development of advanced prac- tice nurses in Thailand. Pacific Rim Int J Nurs Res 2010; 14: 62-77.
12. Bodenheimer T. Primary care-Will it survive? N Engl J Med 2006 [cited Oct 3, 2016]. Available from: www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMp068155#t=ar ticle.