การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อป้องกัน การพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุในจังหวัดอุตรดิตถ์

Main Article Content

ประการ เข้มแข็ง
คมกฤทธิ์ การชะงัด

บทคัดย่อ

การพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยพบว่าสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลทำให้ผู้สูงอายุเกิดการพลัดตกหกล้ม คือ การเดิน การทรงตัว และการเคลื่อนไหวที่มาจากมวลของกล้ามเนื้อร่วมกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของขาลดลง งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and development) กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ผู้สูงอายุทุกอำเภอ จำนวน 150 คน และบุคลากรสาธารณสุข จำนวน 20 คน ที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย (1) แบบสัมภาษณ์ (2) การสนทนากลุ่ม (focus group discussion) และชุดรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะแห่งตนที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น (3) แบบทดสอบสมรรถนะทางกาย และ (4) แบบสัมภาษณ์การรับรู้ความสามารถตนเอง ความคาดหวังของผลจากการดูแลสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน คือ Paired sample t-test  เพื่อเปรียบเทียบระดับมรรถภาพทางกาย การรับรู้ความสามารถตนเอง  ความคาดหวังของผลจากการดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุ ก่อนและหลังเข้ารับการพัฒนาตามรูปแบบการส่งเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ


            ผลการศึกษาพบว่า ในระยะที่ 1 ผู้สูงอายุกลุ่มตัวอย่างมีความรอบรู้ ความเข้าใจปัจจัยเสี่ยง อยู่ในระดับพอใช้ ร้อยละ 58 (S.D.= 1.83 )  มีความเสี่ยงต่ำต่อการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ ร้อยละ 82 (S.D.= 1.43 ) และในระยะ 2 และ 3 หลังการใช้รูปแบบการพัฒนาการส่งเสริมสมรรถภาพทางกาย กลุ่มตัวอย่างมีผลการทดสอบสมรรถภาพ การทรงตัว TUG สูงขึ้น มีส่วนต่างค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.59 (Mean = 9.67 - 8.08) และมีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ความสามารถตนเอง ความคาดหวังของผลจากการดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุ สูงขึ้นกว่าก่อนการใช้รูปแบบการพัฒนา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001)  โดยค่าเฉลี่ยก่อนการทดลองอยู่ที่ 3.91 (S.D. = 0.84) , 4.03 (S.D. = 0.57)  และ 4.02 (S.D. = 0.54)  ตามลำดับ และเพิ่มขึ้นเป็น 4.09 (S.D. = 0.56) , 4.37 (S.D. = 0.51)  และ 4.31 (S.D. = 0.46)  ตามลำดับ ส่วนต่างค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.18 , 0.34 และ 0.29 การศึกษาแสดงให้เห็นว่ารูปแบบการส่งเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางกาย และสมรรถนะแห่งตนเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุได้ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางดูแลผู้สูงอายุในกลุ่มที่ติดบ้าน ไม่ออกสังคมเนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มสูงต่อไป

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. วันประชากรโลก [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 30 ต.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nso.go.th/public/ebook/NSOLetsRead/population.html

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์. รายงานการตรวจราชการและนิเทศงานกรณีปกติ จังหวัดปีงบประมาณ 2568. อุตรดิตถ์: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์; 2568.

กองการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข. เมื่อย่างเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 2 พ.ย. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.shorturl.asia/qoSxm

กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค. Fall Data ข้อมูลการพลัดตกหกล้ม (W00-W19) ในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 20 ธ.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://docs.google.com/spreadsheets/d//13mcEt9pyzMjhol_

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. การสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2564. นนทบุรี: กองสถิติพยากรณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ; 2565.

ธีรภัทร อัตวินิจตระการ, ชานนท์ อิ่มอาบ. ประสิทธิผลของโปรแกรมการเตรียมความพร้อมและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ. วารสารแพทย์เขต 4-5. 2562;38(4):288-298.

สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ. แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและประเมินภาวะหกล้มในผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: สินทวีการพิมพ์; 2562.

Suebsoontorn W, Nimit-arnun N, Chatdokmaipria K. The effects of self-efficacy enhancement program on fall prevention behaviors and physical capabilities of elderly persons in community. Chonburi Hospital J. 2019;44(1):119-128.

Tedniyom T, Maharachpong N, Kijpreedarborisuthi B, Sakulkim S. Effects of the self-efficacy enhancement program on fall prevention among the elderly in Autong District, Suphanburi Province. J Dep Med Serv. 2019;44(1):90-95.

อิทธิพล ดวงจินดา, ชวนพิศ ศิริไพบูลย์, ศรีสุรางค์ เคหะนาค. การรับรู้ความสามารถของการดูแลตนเองและพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 กับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุจังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มข. 2564;14(4):111-126.

Bandura A. Self-efficacy: the exercise of control. New York: W.H. Freeman; 1997.

Bandura A. Social foundations of thought and action: a social cognitive theory. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall; 1986.

Bandura A. Social learning theory. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall; 1997.

Cohen J. Statistical power for the behavioral sciences. 2nd ed. New York: Academic Press; 1977.

อังศินันท์ อินทรกำแหง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ: การวัดและพัฒนา. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สุขุมวิทย์การพิมพ์; 2560.

กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ประเมินสมรรถภาพทางกายเพื่อลดความเสี่ยงต่อการหกล้มในผู้สูงอายุ [อินเทอร์เน็ต]. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ฟูลฟิล เมนเนจเม้นท์; 2565. [เข้าถึงเมื่อ 10 ต.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://dopah.anamai.moph.go.th/th

บัวรัตน์ ศรีนิล. เอกสารประกอบการเรียน: การออกแบบวิจัยธุรกิจ การเก็บรวบรวมข้อมูล การออกแบบสอบถามและการเลือกตัวอย่าง. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะบริหารธุรกิจ; 2560.

อารีรัตน์ สุพุทิธาดา, รุมภา บุญสินสุข, ไพลวรรณ สัทธานนท์. คู่มือการดูแลผู้สูงวัย: เดินดี ไม่มีล้ม. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส); 2559.

กมลรัตน์ กิตติพิมพานนท์. ประสิทธิผลของรูปแบบการป้องกันการหกล้มที่ใช้ชุมชนเป็นฐานต่อสมรรถภาพทางกายและการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชนเมือง กรุงเทพมหานคร. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 2558;29(1):98-113.

สายฝน สุภาศรี, จักรกฤษณ์ วังราษฎร์, วราภรณ์ บุญเชียง. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพต่อการรับรู้ความสามารถตนเองและความคาดหวังผลลัพธ์ต่อการดูแลตนเองของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง จังหวัดเชียงราย. วารสารสาธารณสุขศาสตร์. 2564;51(1):33-42.

ณภัสวรรณ ธนาพงษ์อนันท์, ประสานศิลป์ คำโฮง, วรพล แวงนอก. ประสิทธิผลของโปรแกรมการประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถตนเองที่มีต่อพฤติกรรมการส่งเสริมการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา. 2562;14(1):106-118.

รุจิรางค์ วรรณ์ธนาทัศน์. ประสิทธิผลของโปรแกรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ และการรับรู้ความสามารถในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3อ. 2ส. ของผู้สูงอายุ จังหวัดนครปฐม. วารสารแพทย์เขต 4-5. 2560;36(1):2-12.

เรียม นมรักษ์, วรรณี เดียวอิศเรศ, จินตนา วัชรสินธุ์. ปัจจัยทางครอบครัวที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารของผู้สูงอายุที่มีภาวะน้ำหนักเกินในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม. วารสารพยาบาลสาร. 2561;45(3):46-57.