การพัฒนารูปแบบการดูแลมารดาและเด็กตามโครงการมหัศจรรย์ 1,000 วัน Plus เขตสุขภาพที่ 9
Main Article Content
บทคัดย่อ
ประเทศไทยกำลังพบปัญหาเด็กเกิดน้อยและด้อยคุณภาพ ระดับเชาวน์ปัญญาต่ำกว่าค่ามาตรฐานสากล กระบวนการดำเนินการและการแก้ไขของปัญหายังไม่ประสบผลสำเร็จและไม่ยั่งยืน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ภาคีเครือข่าย ที่รับผิดชอบในการดูแลมารดาและเด็กพัฒนารูปแบบการดูแลให้มีมาตรฐาน ดำเนินการวิเคราะห์ สถานการณ์ ค้นหาแนวทางในการพัฒนา มีการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้ข้อสรุป การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการดูแลมารดาและเด็กผ่านโครงการมหัศจรรย์ 1,000 วัน Plus เขตสุขภาพที่ 9 และศึกษาความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง ได้แก่ ภาคีเครือข่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลมารดาและเด็กเขตสุขภาพที่ 9 จำนวน 40 คน เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึก และสนทนากลุ่ม และเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากแบบสอบถามเรื่องการมีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า การพัฒนารูปแบบการดูแลมารดาและเด็กมีขั้นตอนในการจัดกระบวนการเรียนรู้ 4 ด้าน ได้แก่ การตัดสินใจ การปฏิบัติการ การรับผลประโยชน์ และการประเมินผล ปัญหาและอุปสรรค คือ ขาดการประสานงานระหว่างผู้เชี่ยวชาญและการวิเคราะห์สาเหตุและผลลัพธ์การดำเนินงาน แนวทางการแก้ไข คือ ทบทวนบทบาทและพัฒนาศักยภาพทุกระดับ โดยเฉพาะระดับอำเภอ รวมถึงเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานทั้งในเรื่องทักษะ ความเข้าใจ การดูแลมารดาและเด็ก ปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ ผู้บริหารทุกระดับมีการกำกับติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการทำงาน และการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (=4.03, S.D.= 2.01) ดังนั้น การพัฒนารูปแบบการดูแลมารดาและเด็กควรให้มีการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการนำรูปแบบไปใช้เพื่อวางแผนและสร้างแนวทางในการพัฒนารูปแบบการดูแลมารดาและเด็กในงานอนามัยแม่และเด็กต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. สรุปสาระสำคัญแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ; 2566.
ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา. การขับเคลื่อนโครงการมหัศจรรย์ 1,000 วันแรกแห่งชีวิตของเขตสุขภาพที่ 9. นครราชสีมา: ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา; 2561.
Kemmis, S., & Wilkinson, M: Action research in practice: Partnerships for social justice in education. London: Routledge; 1998.
จารุวรรณ เย็นเสมอ.การขับเคลื่อนโครงการมหัศจรรย์ 1,000 วันแรกแห่งชีวิตโดยใช้การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย : กรณีจังหวัดสุรินทร์. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์; 2564. 5. ฐาปนิต อมรชินธนา. การศึกษาการพัฒนารูปแบบการขับเคลื่อนนโยบายโครงการมหัศจรรย์ 1,000 วันแรกแห่งชีวิตจังหวัด สุรินทร์. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9. 2565; 16(1): 186-202.
Best, John W. Research in Education. 3rd ed. Englewood cliffs, New Jersey: Prentice. Hall Inc; 1981.
กองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. สถานการณ์การตายมารดาในเขตสุขภาพที่ 9. [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 4 กรกฎาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก https://inspection.moph.go.th/index.php.
ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล. การศึกษาการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานโครงการมหัศจรรย์ 1,000 วันแรกแห่งชีวิตภายใต้กลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ จังหวัดนครราชสีมา. นครราชสีมา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา; 2564.
ณัฎฐพันธ์ เขจรนันทน์. การจัดการเชิงกลยุทธ์ ฉบับปรับปรุงใหม่ Strategic Management. กรุงเทพฯ: วี.พริ้นท์; 2556.
ธัญยธรณ์ รุจิรัตน์ธีรกุล. การพัฒนารูปแบบและกระบวนการดำเนินงานอนามัยแม่และเด็กของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จังหวัดนครสวรรค์.วารสารศูนย์อนามัยที่ 9. 2564; 15(36); 115-128.
ชัชวาล ทัตศิวัช. การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) : มิติใหม่ของรูปแบบวิธีวิจัยเพื่อการพัฒนาชุมชนระดับท้องถิ่น. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. คณะศิลปศาสตร์. มหาวิทยาลัยรามคำแหง; 2552.