ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การออกกำลังกายมีความสำคัญเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง เพื่อศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี จำนวน 396 คน กลุ่มตัวอย่างสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายด้วยสถิติไคสแควร์ และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 61.1 มีอายุเฉลี่ย 36.38 ปี มีค่าดัชนีมวลกายอยู่ในระดับอ้วนระดับ 1 ร้อยละ 37.6 ส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 74.0 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกาย พบว่า ปัจจัยด้านลักษณะประชากร ได้แก่ เพศและดัชนีมวลกาย มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (X2= 22.197, p=0.048, X2= 1.823, p=0.049 ตามลำดับ) ด้านปัจจัยนำ พบว่าการรับรู้ความสามารถตนเองมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.829, p<0.001) ปัจจัยเอื้อ ได้แก่ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเรื่องการออกกำลังกาย มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.530, p<0.001) ปัจจัยเสริม ได้แก่ แรงสนับสนุนทางสังคมมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.696, p<0.001)
ข้อเสนอแนะสถานประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการจัดกิจกรรมสร้างเสริมการรับรู้ความสามารถของตนเอง การสนับสนุนข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ และการสนับสนุนให้มีกิจกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพให้แก่พนักงานเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
กองเศรษฐกิจการแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน. สถานการณ์ด้านแรงงานรายปี 2563. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงแรงงาน; 2564:1-5.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. สถานการณ์ปัญหาสุขภาพประชากรและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับประชากรวัยทำงาน[อินเทอร์เน็ต]2566. [เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2566]. จาก https://dopah.anamai.moph.go.th/webupload/8x6b2a6a0c1fbe85a9c274e6419fdd6071/tinymce/KPI2564/KPI119/25640111925.pdf
Green, I.W., Kreuter M, W.Health program planning: An educational and ecological approach. 4thed. New York: Emily Barrosse; 1998.
มณีรัตน์ ธีระวิวัฒน์ และนิรัตน์ อิมานี. การวางแผนงานโครงการสุขศึกษาและส่งเสริมสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 1. นครปฐม: เพชรเกษม พริ้นติ้ง กรุ๊ป; 2556.
Daniel, W. W. Biostatistics: A Foundation for Analysis in the Health Sciences, 11th Edition. 1-720. Hoboken, New Jersey: John Wiley & Sons; 2018.
Bloom, B. S. Taxonomy of Educational Objectives: Handbook 1, Cognitive Domain. New York: Mackay; 1972.
Cronbach, L. Essential of Psychological Testing. (4th ed.). New York: Harper; 1984.
กัลวัฒน์ มัญชะสิงห์. การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ (Correlation Analysis). [อินเทอร์เน็ต]2557. [เข้าถึงเมื่อ 24 กันยายน 2565]. จาก http://kalawatblog.blogspot.com/2014/07/correlation-analysis.html
รัตน์กัมพลชัย อิ้วสวัสดิ์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคลากร สังกัดเทศบาลตำบล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม. 2559.
Bandura, Albert. Self-efficacy: Social Learning Theory. New Jersey: Prentice-Hall; 1977
อโนทัย ผลิตนนท์เกียรติ และคณะ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษา กายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยหัว-เฉียวเฉลิมพระเกียรติ. วารสารมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติวิชาการ, 2561;42:55-64.
ธนพร แย้มศรี, ชนัญขิดาดุษฎี ทูลศิริ และยุวดี ลีลัคนาวีระ. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยบรมราชชนนี เครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 2560;2:158-168.