ผลของการใช้แนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพกับการบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตนในกลุ่มปวดกล้ามเนื้อหลังส่วนบนเรื้อรัง เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร

Main Article Content

Kalayaporn Termnark
Supreya Tansakul
Maneerat Terawiwat
Nirat Imamee
Naphat Panichakan

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยกึ่งทดลองชนิดวัดสองกลุ่มก่อนและหลังทดลอง เพื่อศึกษาผลของการใช้แนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพกับการบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตนในผู้ป่วยกลุ่มปวดกล้ามเนื้อหลังส่วนบนเรื้อรังในเขตศูนย์บริการสาธารณสุข 44 ลำผักชี หนองจอก กรุงเทพมหานคร สาขาลำแบนชะโด กลุ่มตัวอย่าง คือผู้ป่วยกลุ่มปวดกล้ามเนื้อหลังส่วนบนเรื้อรัง อายุ 30 ปีขึ้นไป กลุ่มทดลอง จำนวน 29 คน และกลุ่มเปรียบเทียบ จำนวน 30 คน โดยกลุ่มทดลองได้รับการจัดโปรแกรมสุขศึกษา จำนวน 7 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1-2 ชั่วโมง ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบได้รับคู่มือและโปสเตอร์ฤๅษีดัดตน 2 ท่า เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีค่าความเที่ยง 0.7004 และแบบบันทึกพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ Pair Samples t – test และ Independent t – test ผลการทดลอง พบว่า หลังการทดลอง กลุ่มทดลอง มีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อพังผืด มัยโอฟาสเชี่ยลส่วนบนเรื้อรัง การรับรู้ความรุนแรงต่ออาการปวดกล้ามเนื้อหลังส่วนบน การรับรู้ประโยชน์ของการบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตน การรับรู้อุปสรรคของการบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตน การรับรู้ความสามารถตนเองในการบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตน พฤติกรรมการบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตน และพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ดีขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ระดับความปวดลดลงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.001) เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตนระหว่างกลุ่มหลังการทดลอง พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ดังนั้น โปรแกรมการประยุกต์แนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพกับการบริหารร่างกายแบบฤๅษีดัดตน สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ พิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ และระดับความปวดได้

Article Details

ประเภทบทความ
Articles