การพัฒนารูปแบบกระบวนการส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยกลุ่มอายุ 3-5 ปี จังหวัดกาฬสินธุ์

ผู้แต่ง

  • สุภัทรา สามัง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์
  • คงฤทธิ์ วันจรูญ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์
  • ประภัสสร เพชรสวัสดิ์ ศูนย์สุขภาพจิตที่ 7
  • ภคมน สมศรี ศูนย์สุขภาพจิตที่ 7

คำสำคัญ:

การพัฒนารูปแบบ, เด็กปฐมวัย, การส่งเสริมพัฒนาการ, ความฉลาดทางอารมณ์, การประเมินแบบ CIPP, Model Development, Early Childhood, Developmental Promotion, Emotional Intelligence, CIPP Evaluation

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษากระบวนการส่งเสริมพัฒนาการ พัฒนารูปแบบ ทดลองใช้ และประเมินผลกระบวนการส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยกลุ่มอายุ 3-5 ปี จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นการวิจัยการวิจัยและพัฒนา และประเมินรูปแบบ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดการประเมิน ซิปป์ของสตัฟเฟิลบีม วิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เลี้ยงดูหลักและเด็กอายุ 3-5 ปี จำนวน 993 คู่ ระยะเวลาศึกษา เดือน ตุลาคม 2565 – สิงหาคม 2566 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ คู่มือ DSPM , แบบวัดทักษะพฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการของผู้เลี้ยงดูหลัก และแบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบความแตกต่างภายในกลุ่มด้วย Paired t-test

ผลการวิจัย พบว่า กระบวนการส่งเสริมสุขภาพเด็กปฐมวัย โดยการพัฒนาศักยภาพครู ก ในการบูรณาการร่วมระหว่างการพัฒนาตำบลมหัศจรรย์ 1,000 วันพลัส สู่ 2,500 วัน และการส่งเสริมพัฒนาการและการสร้างวินัยเชิงบวกโดยครอบครัวมีส่วนร่วม ผ่านกิจกรรมตามโปรแกรม จำนวน 5 ครั้ง ร่วมกับการส่งเสริมสุขภาพ 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านโภชนาการ 2) ด้านพัฒนาการและการเล่น 3) ด้านสุขภาพฟัน และ4) ด้านการป้องกันโรค โดยมีเด็กที่พัฒนาการสงสัยล่าช้าและผู้ปกครองที่เข้าร่วม จำนวน 993 คู่ เด็กส่วนใหญ่อายุ 3 ปี ร้อยละ 62.4 ทั้งนี้ หลังการพัฒนากระบวนการ ผู้ปกครองเด็กมีทักษะในการเลี้ยงดูผ่านเกณฑ์เพิ่มขึ้น ร้อยละ 72.2 และค่าเฉลี่ยคะแนนทักษะของผู้ปกครองสูงกว่าก่อนกระบวนการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p–value<0.001; 95% CI 12.9-14.6) สำหรับเด็กที่พัฒนาการสงสัยล่าช้า หลังการเข้าร่วมโปรแกรม มีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ผ่านร้อยละ 99.7 ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ผ่านร้อยละ 76.8 ด้านการเข้าใจภาษา ผ่านร้อยละ 76.8 ด้านการใช้ภาษา ผ่านร้อยละ 76.6 และด้านการช่วยเหลือตนเอง และสังคม ผ่านร้อยละ 78.9 และความฉลาดทางด้านอารมณ์สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value<0.001) (Mean Difference=6.9; 95% CI=6.3-7.4)

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2565). รายงานตามตัวชี้วัดกระทรวง เด็กไทยมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัย. ค้นจาก https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/page_kpi.php?flag_kpi_level=1&flag_kpi_year=2021

จันทร์อาภา สุขทัพภ์. (บรรณาธิการ). (2565). เดินหน้า สร้างเด็กไทย ไอคิวดี การสำรวจสถานการณ์ระดับสติปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เด็กไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปี 2564. กรุงเทพฯ: บียอนด์พับลิสซิ่ง.

นงลักษณ์ วิรัชชัย และคณะ. (2563). การพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลเด็กปฐมวัย: กระบวนการและผลลัพธ์. วารสารวิจัยทางการศึกษา, 15(1), 12-25.

ประเวศ วะสี. (2564). การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมในระบบสุขภาพชุมชน. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ.

พัชรา เอี่ยมกิจการ. (2561). รูปแบบการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยแบบมีส่วนร่วม. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 32(2), 45-62.

รัตนา เพ็ชรอุไร และคณะ. (2563). ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัย. วารสารสาธารณสุขศาสตร์, 50(3), 278-290.

วรรณี แกมเกตุ. (2563). การพัฒนาเด็กปฐมวัยแบบองค์รวม: แนวคิดและการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วัชรี ตระกูลงาม. (2564). ผลของโปรแกรมส่งเสริมพัฒนาการแบบองค์รวมต่อความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย. วารสารพยาบาลศาสตร์, 39(2), 89-102.

วิจารณ์ พานิช. (2563). การพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ: กรณีศึกษาการพัฒนาเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.

ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2564). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ศูนย์สุขภาพจิตที่ 7. (2566). คู่มือประกอบการจัดกิจกรรม Smart Kids Area 7: SA7. กาฬสินธุ์: ศูนย์สุขภาพจิตที่ 7.

สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2565). แนวทางการส่งเสริมคุณภาพสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านสุขภาพ (4D) ตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต. (2557). คู่มือพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์เด็กปฐมวัย สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง. กรุงเทพฯ:

โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2563). สถานการณ์ครอบครัวไทยในชนบท: การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบ. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.

สมใจ รัตนพลที่ดี. (2562). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยในประเทศไทย. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 28(4), 725-738.

สมชาย ดุรงค์เดช. (2563). การส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยแบบองค์รวมโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว. วารสารกุมารเวชศาสตร์, 59(3), 167-178.

สมรัก ชูวานิชวงศ์. (2563). การมีส่วนร่วมของครอบครัวในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 13(2), 45-60.

สุรพงษ์ โสธนะเสถียร. (2564). ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของเคิร์ท เลวิน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

Stufflebeam, D. L., & Shinkfield, A. J. (2007). Evaluation theory, models, & applications. New York: John Wiley & Sons.

World Health Organization. (2019). Nurturing care for early childhood development: A framework for helping children survive and thrive to transform health and human potential. Geneva: WHO.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-04-30

รูปแบบการอ้างอิง

สามัง ส., วันจรูญ ค., เพชรสวัสดิ์ ป., & สมศรี ภ. (2025). การพัฒนารูปแบบกระบวนการส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยกลุ่มอายุ 3-5 ปี จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 18(1), 97–108. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/kkujphr/article/view/274378

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ