การพัฒนาแอปพลิเคชันไลน์ออฟฟิเชียลแอคเคานท์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ในโรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม, แอปพลิเคชัน, การวิจัยและพัฒนาบทคัดย่อ
โรคมะเร็งเต้านมเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก และอุบัติการณ์การเกิดโรคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นโรคที่มีความซับซ้อนในการรักษาพยาบาล การพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมนั้นนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญในบริบทและสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการณ์ พัฒนา และประเมินผลของแอปพลิเคชันไลน์ออฟฟิเชียลแอคเคานท์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในโรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี ดำเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) วิเคราะห์สภาพการณ์และประเมินความต้องการ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่อยู่ระหว่างได้รับการรักษา 15 คน และพยาบาลวิชาชีพที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 5 คน เลือกแบบเจาะจง
2) ออกแบบและพัฒนารูปแบบ กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมไม่น้อยกว่า 2 ปี และจบหลักสูตรเฉพาะทางด้านการพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็ง จำนวน
20 คน 3) ทดลองใช้ในสถานการณ์จริง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 5 คน และพยาบาลวิชาชีพ 5 คน 4) ประเมินผลรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 30 คน และพยาบาลวิชาชีพ 15 คน เลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้การวิจัยได้แก่ 1) แนวการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก 2) แนวคำถามในการระดมสมองหารูปแบบในการให้ความรู้ คำแนะนำทางแอปพลิเคชันฯ
3) แบบสอบถามความรู้สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและพยาบาลวิชาชีพในการใช้แอปพลิเคชันฯ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์เนื้อหา สถิติทดสอบค่าที กำหนดนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัย: 1) จากการศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและพยาบาลวิชาชีพ พบว่าข้อมูลคำแนะนำที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นในรูปแบบเอกสาร แอปพลิเคชันฯ ที่ใช้อยู่ไม่ครอบคลุมทุกประเด็นการรักษาและเมื่อมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมไม่มีช่องทางที่สะดวกในการติดต่อกับพยาบาล 2) พัฒนาได้รูปแบบการให้ความรู้และคำแนะนำผ่านแอปพลิเคชันไลน์ออฟฟิเชียลแอคเคานท์ (Line official account application; OA) ชื่อบัญชี “รอบรู้มะเร็งเต้านม” โดยเนื้อหาของแอปพลิเคชันฯ มีองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 สื่อการเรียนรู้ ครอบคลุมทุกประเด็นการรักษาที่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้รับ ส่วนที่ 2 เชื่อมโยง UBCH EASY Application ที่สามารถเช็คประวัติการรักษา ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันนัดหมายผู้ป่วยได้ และส่วนที่ 3 ช่องทางการติดต่อระหว่างผู้ป่วยกับพยาบาลในแต่ละหน่วยบริการ ซึ่งเครื่องมือและแอปพลิเคชันฯ ที่พัฒนาขึ้นได้ผ่านการประเมินคุณภาพของเครื่องมือจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน และ3) ผลของการนำแอปพลิเคชันฯ มาทดลองใช้ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม พบว่า ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมีค่าเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น กว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Mean difference=6.7,
p-value<0.001) และมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเพิ่มขึ้นกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Mean difference=1.47, p-value<0.001) และพยาบาลวิชาชีพมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเพิ่มขึ้นกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Mean difference=1.64, p-value<0.001) ข้อสรุปผลการศึกษา: แอปพลิเคชันฯ ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความรู้ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ความพึงพอใจของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและพยาบาลวิชาชีพได้ เนื่องจากแอปพลิเคชันไลน์เป็นที่นิยมและใช้ในชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วไปรวมทั้งในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม อีกทั้งระบบได้มีการออกแบบเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ครอบคลุมทุกประเด็นการรักษา เพิ่มความสะดวกในการติดต่อกับพยาบาลที่ให้การดูแลในระหว่างการรักษาแต่ละประเภท รวมถึงสามารถเช็คข้อมูลประวัติการรักษาของตนเองได้ จึงควรนำแอปพลิเคชันฯ ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และขยายผลการใช้งานให้ครอบคลุมทั้งหน่วยงาน รวมทั้งเป็นต้นแบบในการพัฒนา
แอปพลิเคชันฯ สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งอื่นๆ ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กานดา พูนลาภทวี. (2539). สถิติเพื่อการวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพ: ฟิสิกส์เซ็นเตอร์.
กิติยาพร สังฆศรีสมบัติ. (2564). การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้และให้คำปรึกษาผ่านแอปพลิเคชัน ไลน์ออฟฟิเชียลแอคเคานท์ สำหรับมารดาในการดูแลทารกเกิดก่อนกำหนด. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 16(2), 623-641. Retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/RHPC9Journal/article/view/257597/176313.
กฤษดา แสวงดีและคณะ. (2562). การศึกษาภาระงาน ความเพียงพอของอัตรากำลังและบริการกำลังคนในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 35(2), 174-183. Retrieved from https://he01.tci-thaijo.org/index.php/bcnbangkok/article/view/215460
ขวัญเมือง แก้วดำเกิง. (2564). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ : กระบวนการปฏิบัติการเครื่องมือประเมิน. กรุงเทพฯ : ไอดี ออล ดิจิตอล พริ้นท์.)
ชุติมา ฉันทมิตรโอภาส, ดารัสนี โพธารสและพิชญาภา พิชะยะ. (2565). ความต้องการการดูแลแบบสนับสนุนและปัจจัยทำนายความต้องการการดูแลของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 30(2), 25-39. Retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Nubuu/article/view/257179/176029.
ประกาย วิโรจน์กุล. (2552). การวิจัยทางการพยาบาล: แนวคิด หลักการ และวิธีปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี: บริษัท สร้างสื่อ จำกัด.
ภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี. (2563). ผลของการใช้นวัตกรรม BSE line @ Program ต่อพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังการผ่าตัด. อุบลราชธานี: โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี.
มลฤดี เกษเพชร, นิโรบล กนกสุนทรรัตน์, ประกาศิต จิรัปปภา. (2563). โปรแกรมพัฒนาคุณภาพการดูแลกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมอาคารศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์. วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไทย, 7(2), 41-56. Retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/apnj/article/view/243447/169232.
วรนันท์ เรืองโชติ, กัญญดา ประจุศิลป, มาลีวัล เลิศสาครศิริ. (2565). ผลของการใช้โปรแกรมการสื่อสารโดยการให้ข้อมูลต่อความวิตกกังวลของผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและความพึงพอใจของพยาบาล. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 8(3), 251-262.
Retrieved from https://he01.tci-thaijo.org/index.php/slc/article/view/257539/175717
สายรุ้ง ประกอบจิตร, ชลิยา วามะลุน, วิยดา วรรณเสน, โสภิต ทับทิมหิน, โสภิตตรา สมหารวงค์, รังษีนพดล โถทอง. (2021). Factors Associated with Using Online Social Media among Patients with Breast Cancer Receiving Chemotherapy. Srinagarind Medical Journal, 36(3), 301–309. Retrieved from https://li01.tci-thaijo.org/index.php/SRIMEDJ/article/view/251208
สุมนกาญจน์ ลาภกิตติเจริญชัย.(2563). ผลของโปรแกรมการให้คำปรึกษาผ่านไลน์แอพพลิเคชั่นที่มีต่อความเครียดและความเชื่อในศักยภาพของตนเองของผู้ดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง. วารสารกรมการแพทย์, 45(3);42-50
สุวัลยา คงรอด, ชะปา ไชยฤทธิ์. (2563). ประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาแบบใหม่ต่อความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด โรงพยาบาลกันตัง จังหวัดตรัง. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 29(6):1055-61.
สมบัติ ท้ายเรือคำ. (2557). Research and Development : Method for Research Developing. Journal of Research and Development Institute Rajabhat Maha Sarakham University, 1(1), 2–11. Retrieved from https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rdirmu/article/view/211157.
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม. (2563). รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2563 Thailand Internet User Behavior 2020. (พิมพ์ครั้งที่ 1). https://opacimages.lib.kmitl.ac.th/medias/b00288215/Thailand%20Internet.pdf
Alberta (Minister of Human Resources and Employment) v. Director of the Human Rights Citizenship and Multiculturalism Commission (Alta.) et al. (2006), 391 A.R. 31; 377 W.A.C. 31; 2006 ABCA 235, refd to. [para. 50].
Batbaatar, E., Dorjdagva, J., Luvsannyam, A., Savino, M. M., & Amenta, P. (2017). Determinants of patient satisfaction: a systematic review. Perspectives in public health, 137(2), 89–101. https://doi.org/10.1177/1757913916634136
Contandriopoulos D, Benoît F, Bryant-Lukosius D, Carrier A, Carter N, Deber R, et al. Structural analysis of health-relevant policy-making information exchange networks in Canada. Implementation science : IS. 2017;12(1):116-29.
International Agency for Research on Cancer. Globocan .(2020). Breast cancer, [Online] 2023 [cited 2023 Jan.6]. Available from: https://www.iarc.who.int/cancer-type/breast-cancer/.
J. Rojanamatin, W. Ukranun, P. Supaattagorn, I. Chiawiriyabunya, M. Wongsena, A. Chaiwerawattana, P. Laowahutanont, I. Chitapanarux, P. Vatanasapt, S. L. Greater, S. Sangrajrang, R. Buasom, et al. (2023).Cancer in Thailand X, 2016-2018. Bangkok. [Internet]. 2023 [cited Sep 27 2023]. Available from:https://www.nci.go.th/e_book/cit_x/index.html
Krongyuth, P., Silpasuwan, P., Viwatwongkasem, C., & Campbell, C. (2018). Needs of patient with advanced stages of cancer in a Thai community: Mixed method approach. Journal of Health Research, 32(5), 342-351. https://doi.org/10.1108/JHR-08-2018-040
LINE Corporation. LINE for business [อินเตอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 2566 เม.ย.20]. เข้าถึงได้ จาก: https://lineforbusiness.com/th/service/line-oa-features
Nounou, M. I., ElAmrawy, F., Ahmed, N., Abdelraouf, K., Goda, S., & Syed-Sha-Qhattal, H. (2015). Breast Cancer: Conventional Diagnosis and Treatment Modalities and Recent Patents and Technologies. Breast cancer : basic and clinical research, 9(Suppl 2), 17–34. https://doi.org/10.4137/BCBCR.S29420
Tiezzi, M. F., de Andrade, J. M., Romão, A. P., Tiezzi, D. G., Lerri, M. R., Carrara, H. A., & Lara, L. A. (2017). Quality of Life in Women With Breast Cancer Treated With or Without Chemotherapy. Cancer nursing, 40(2), 108–116. https://doi.org/10.1097/NCC.0000000000000370
Mikal, J. P., Grande, S. W., & Beckstrand, M. J. (2019). Codifying Online Social Support for Breast Cancer Patients: Retrospective Qualitative Assessment. Journal of medical Internet research, 21(10), e12880. https://doi.org/10.2196/12880
Wabula, I,, Yunitasari, E., & Wahyudi, A. S. (2020). Supportive care needs of women with breast
cancer: A systematic review. Jurnal Ners, Special Issues, 15(2), 142-148. http://dx.doi.
org/10.20473/jn.v15i1Sp.18999
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.