ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการบริโภคน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยวของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม, น้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยว, การรับรู้ความสามารถตนเองบทคัดย่อ
ปัจจุบันพบว่าเด็กมีการบริโภคน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยวในปริมาณที่สูงขึ้น การลดพฤติกรรมการ
บริโภคอาหารว่างที่ไม่เหมาะสมจะส่งเสริมให้เด็กมีภาวะโภชนาการที่ดี ลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ การวิจัยนี้
เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการบริโภค
น้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยวของนักเรียนชั้นประถมศึกษากลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอเมือง 2 โรงเรียน
จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบกลุ่มละ 30 คนโดยใช้ความน่าจะเป็นและสุ่ม
ตัวอย่างแบบง่ายเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ตรวจสอบความตรงของเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ 3
ท่าน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมประยุกต์แนวคิดการรับรู้ความสามารถตนเองร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคม
โดยใช้เทคนิค 4R ในการจัดกิจกรรม ประกอบด้วยการใช้สัมพันธภาพของการเป็นสมาชิกกลุ่มกำหนด
เป้าหมายในกลุ่ม (Relationship & Goal setting) การทบทวนข้อมูลโดยกลุ่มเพื่อน (Repeat) การบันทึก
พฤติกรรมบริโภคน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยว (Record) การช่วยกันเตือน (Remind) ใช้เวลาทดลอง
9 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่มโดยใช้สถิติ
Paired t-test และ Independent t-test
ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีความรู้เกี่ยวกับน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยว การ
รับรู้ความสามารถตนเอง ความคาดหวังในผลลัพธ์ และพฤติกรรมลดการบริโภคน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยวดี
ขึ้นกว่าก่อนการทดลองและดีกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.05) ระยะติดตาม
ผล กลุ่มทดลองมีความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.05) แต่การรับรู้ความสามารถตนเอง
ความคาดหวังในผลลัพธ์ และพฤติกรรมการบริโภคน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยวลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
(p-value<0.05) จากผลของโปรแกรมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่นๆ ที่เป็น
ปัญหาในนักเรียน และควรมีการพัฒนาปรับปรุงวิธีการที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน