ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ที่ควบคุมไม่ได้ ในเขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
Abstract
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงพรรณนา มีจุดหมายเพื่อการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ในเขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ตามตัวแปรเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ความรู้เกี่ยวเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง เจตคติเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง การเข้าถึงบริการ การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคม กับพฤติกรรม การดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ประชากรที่ศึกษาในครั้งนี้ เป็นผู้ป่วยที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ มีภูมิลำเนาในเขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างด้วยตารางมอร์แกน ได้จำนวน 100 คน สุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ด้วยสถิติ เชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงวิเคราะห์ ใช้สถิติ t–test การทดสอบความแปรปรวนทางเดียว (One–Way ANOVA : F- test) เมื่อพบนัยสำคัญทางสถิติจึงทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่โดยวิธีการเปรียบเทียบพหุคูณแบบ LSD และหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการศึกษา พบว่า ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ศึกษาเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย คิดเป็นร้อยละ72.00 มีอายุอยู่ในช่วง 50-60 ปี เป็นส่วนใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 62.00 ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษา คิดเป็นร้อยละ 56.00 มีสถานภาพสมรสแล้วมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 68.00 สำหรับอาชีพ พบว่า ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม คิดเป็นร้อยละ 48.00 และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 5,001-10,000 บาทต่อเดือน มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.00 ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมีพฤติกรรมการดูแลตนเองอยู่ในระดับพอใช้ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีเพศต่างกันมีพฤติกรรมการดูแลตนเองไม่แตกต่างกัน ส่วนผู้ป่วยที่มี อายุ ระดับการศึกษา รายได้ต่างกัน มีพฤติกรรมการดูแลตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.05 ในด้านความรู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง เจตคติเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง และการได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
Downloads
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2022 Singburi Hospital Journal

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
The published articles are copyrighted by Singburi Hospital.
The statements appearing in each article in this academic journal are the personal opinions of each author and are not related in any way to Singburi Hospital or other hospital personnel. Each author is solely responsible for all contents of their article. If there are any errors, each author alone will be responsible for their own article.
