ประสิทธิผลของรูปแบบการสอนที่ใช้คิวอาร์โค้ดร่วมในผู้ป่วยก่อนผ่าตัดหัวใจ
คำสำคัญ:
การผ่าตัดหัวใจแบบเปิด, ประสิทธิผล, คิวอาร์โค้ดบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นศึกษาแบบกึ่งทดลอง แบบสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงประสิทธิผลของรูปแบบการสอนที่ใช้คิวอาร์โค้ดร่วมในผู้ป่วยก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิด กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดหัวใจแบบเปิดที่สถาบันโรคทรวงอก จำนวน 70 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มควบคุม 35 คน และกลุ่มทดลอง 35 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ส่วนคือ 1) รูปแบบการสอนที่ใช้คิวอาร์โค้ดร่วม และ 2) เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เป็นแบบเก็บข้อมูลที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรม โดยผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 4 ท่าน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลโรคและชนิดของการผ่าตัด แบบประเมินความรู้ในการปฏิบัติตนก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิด ความร่วมมือในการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิด และความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการสอนด้วยคิวอาร์โค้ดร่วม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา และสถิติทดสอบค่า T (paired t-test และ Independent t-test)
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการปฏิบัติตนก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิดหลังทดลองสูงขึ้นกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ก่อนการทดลองกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการปฏิบัติตนก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิดไม่แตกต่างกัน ส่วนภายหลังการทดลองกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการปฏิบัติตนก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิด แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีคะแนนเฉลี่ยความร่วมมือในการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิดอยู่ในระดับสูง และกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจรายข้อต่อการใช้รูปแบบการสอนด้วยคิวอาร์โค้ดร่วมอยู่ในระดับมาก
การใช้รูปแบบการสอนที่ใช้คิวอาร์โค้ดร่วมในผู้ป่วยก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิด สามารถทำให้ผู้ป่วยมีความรู้ในการปฏิบัติตนก่อนผ่าตัดหัวใจแบบเปิดสูงกว่าก่อนทดลอง และมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการสอนที่ใช้คิวอาร์โค้ดร่วมอยู่ในระดับมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปพัฒนารูปแบบการสอนก่อนผ่าตัดที่ใช้เทคโนโลยีร่วมแบบหลากหลาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดประเภทต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์.รายงานสถิติสาธารณสุข สถิติการตายด้วยโรคหัวใจ พ.ศ. 2546-2559. กระทรวงสาธารณสุข; 2559.
รัชฎา แก่นสาร์. การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เล่ม 4. พิมพ์ครั้งที่ 12. นนทบุรี: ยุทธรินทร์การพิมพ์; 2557.
Smith, J., & Brown, P. Open Heart Surgery and Its Impact on Patients. Medical Journal. 2018;60(4):120-30.
Jones A, Smith B, Williams C. Preparing patients for surgery: A multidisciplinary approach. Int J Nurs Stud. 2020;57(2):150-60.
กลุ่มงานศัลยศาสตร์ สถาบันโรคทรวงอก. การดูแลรักษาผู้ป่วยผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจไมตรัล. กรุงเทพฯ: สุขุมวิทการพิมพ์; 2556.
Wong K, Chan L, Lam T. The use of QR codes in preoperative patient education. Asian J Healthc. 2019;11(1):45-53.
Graham CR. Blended learning systems: Definition, current trends, and future directions. In: Bonk CJ, Graham CR, editors. The handbook of blended learning: Global perspectives, local designs. San Francisco (CA): Pfeiffer; 2006.3-21.
Jaeho Cho et al. The Usefulness of the QR Code in Orthotic Applications after Orthopedic Surgery. Healthcare (Basel). 2021;9(3):298.
Hu J, Ren J, Zheng J, Li Z, Xiao X. A quasi-experimental study examining QR code-based video education program on anxiety, adherence, and satisfaction in coronary angiography patients. Contemp Nurse. 2020;56(5-6):428-40.
Garcia L, Lee M. The impact of preoperative education on postoperative recovery. J Health Educ. 2021;45(3):234-45.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 โรงพยาบาลสิงห์บุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลสิงห์บุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลสิงห์บุรี และบุคคลากรท่านอื่นๆในโรงพยาบาลฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
