ผลการพัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช
คำสำคัญ:
การพัฒนาระบบ, ผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี, ผู้ป่วยเอดส์บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลการพัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช
รูปแบบการวิจัย: เป็นการวิจัยเชิงพัฒนา (The Research and Development) โดยใช้รูปแบบการวิจัยกลุ่มเดียว วัดผลก่อนและหลังการพัฒนา ระบบที่พัฒนาขึ้นโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร แกนนำกลุ่มโรคเอดส์ มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ปี 2557 ผลการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์ ประเมินจากความร่วมมือในรับประทานยาต้านไวรัสเอดส์ อัตราการตรวจปริมาณเชื้อเอชไอวีในเลือด และระดับเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ประชากรที่ศึกษา เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่า ติดเชื้อเอช ไอ วี และโรคเอดส์ เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในการดูแลของคลินิกให้คำปรึกษาและยาต้านไวรัสเอดส์ของโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช โดยเก็บข้อมูลจากทะเบียนสะสมทั้งหมด 1,249 ราย ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก 478 ราย
ผลการศึกษา: 1). ความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ภายหลังพัฒนาระบบค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้สูงกว่าก่อนพัฒนาระบบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00 2).พฤติกรรมความร่วมมือในการรักษาภายหลังพัฒนาระบบค่าคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนพัฒนาระบบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00 3). Viral load ในผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์ ก่อนและหลังพัฒนาระบบ ภายในกลุ่มเดียวกัน พบว่าก่อนพัฒนาระบบจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์ ค่า Viral load <20 copies/ml ร้อยละ 31.1 หลังพัฒนาระบบ ร้อยละ 86.8 และมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00 4). CD4 ในผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์ ก่อนและหลังพัฒนาระบบ ภายในกลุ่มเดียวกัน พบว่าก่อนพัฒนาระบบ ค่าเฉลี่ยของ CD4 = 466.11 cells/mm3หลังพัฒนาระบบพบค่าเฉลี่ยของ CD4 = 528.66 cells/mm3 และมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00
สรุป อภิปรายผล: การพัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอช ไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช เป็นกระบวนการที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน จึงใช้แนวคิดให้มีส่วนร่วมในการจัดการปัญหา โดยทีมสุขภาพ จนเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อการแก้ปัญหาดังกล่าวเพิ่มความรู้พฤติกรรมการดูแลตนเองและสามารถเผชิญปัญหาการเจ็บป่วยของตนเองได้มากขึ้นและช่วยให้เห็นความสำคัญ และความจำเป็นของการรับประทานยาการมาตามนัด ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยของระดับความรู้ พฤติกรรม ผลการรักษาดีขึ้นก่อนการพัฒนาระบบ
References
กระทรวงสาธารณสุข, กรมควบคุมโรค. แนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและ ผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ไทย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. 2559.
สมศักดิ์ ศุภวิทย์กุล และคณะ. คู่มือการพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย. (พิมพ์ครั้งที่1). กรุงเทพ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. 2550.
Mocroft, A., et al., Decline in the AIDS and death rates in the EuroSIDA study: an observationalstudy.The Lancet. 2015; 372 : 22-29.
สำนักการพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข. การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์. 2556.
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข,Burden of diseases and Injuries in Thailand. 2014.
งานสถิติโรคเอดส์โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช.สถิติโรคเอดส์ประจำปี พ.ศ.2559. โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช. 2559.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 โรงพยาบาลสิงห์บุรี
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลสิงห์บุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลสิงห์บุรี และบุคคลากรท่านอื่นๆในโรงพยาบาลฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว