ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ของผู้ปกครองเด็กอายุ 5-11 ปี จังหวัดอุดรธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวางนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณลักษณะส่วนบุคคล ความรู้ และแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพของโรคโควิด-19 และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโรควิด-19 กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ปกครองเด็กอายุ 5-11 ปี ที่อาศัยในจังหวัดอุดรธานี จำนวน 382 คน คำนวณขนาดตัวอย่างด้วยตารางเครจซี่และมอร์แกนและสุ่มตัวอย่างหลายขั้นตอน ใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูล เก็บข้อมูลระหว่างเดือนตุลาคม 2565 ถึงเดือนเมษายน 2566 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาด้วยความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์หาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์การรับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโรควิด-19 ด้วยสถิติถดถอยลอจิสติกอย่างง่ายและการถดถอยพหุลอจิสติก
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศหญิง ร้อยละ 62.04 อายุเฉลี่ย 38.92 ปี (S.D. = 10.35) มีสถานภาพสมรส ร้อยละ 62.57 และประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 27.49 มีระดับความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด19 อยู่ในระดับมาก ร้อยละ 60.99 ส่วนใหญ่มีการรับรู้ความเสี่ยงของโรคโควิด-19 อยู่ในระดับมาก ร้อยละ 73.82 มีการรับรู้ความรุนแรงของโรคระดับมาก ร้อยละ 71.47 มีการรับรู้ประโยชน์ของวัคซีนป้องกันโควิด 19 อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 46.34 และมีการรับรู้อุปสรรคของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระดับมาก ร้อยละ 73.30 กลุ่มตัวอย่างมีการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ร้อยละ 19.90 (95%CI: 16.18-24.21: p-value<0.001) เมื่อวิเคราะห์พหุสหสัมพันธ์ถดถอย พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ เพศหญิง (AOR = 1.88: 95%CI = 1.07-3.31: p-value = 0.022) และการรับรู้ความรุนแรงในระดับมาก (AOR = 1.93: 95%CI = 1.03-3.65: p-value = 0.031) ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของเพศ และภาพลักษณ์ด้านความรุนแรงของโรคที่สัมพันธ์กับการรับวัคซีน ดังนั้น ควรมีการรณรงค์ให้ความรู้ในกลุ่มผู้ปกครองชาย และมุ่งเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับความรุนแรงของโรคโควิด-19 เพื่อให้เห็นความสำคัญของการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นโรคโควิด-19
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. สถานการณ์โรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 22 ม.ค. 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. สถานการณ์โรคโควิด-19 [อินเทอร์เน็ต]. 2568 [เข้าถึงเมื่อ 27 ก.ค. 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://dviS.D.dc.moph.go.th/t/DDC_CENTER_DOE/views/_Daily_v2/present?%3Aembed=y&%3AisGuestRedirectFromVizportal=y&%3Aorigin=card_share_link
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี. รายงานสถานการณ์covid-19 จังหวัดอุดรธานี ประจำวัน 12 กันยายน 2565 [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 7 ก.พ. 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://udo.moph.go.th/.wasabi3/Home.php
Intawong K, Chariyalertsak S, Chalom K, Wonghirundecha T, Kowatcharakul W, Thongprachum A, et al. Heterologous booster vaccines reduce severity and mortality in COVID-19 during BA.2 and BA.4/BA.5 omicron predominance in Thailand. J Microbiol Immunol Infect. 2023;56(6):1178–86.
Tem-eiam N. Effect of COVID-19 booster vaccination on reducing mortality of patients hospitalized for COVID-19 at Sisaket Hospital. Chulalongkorn Med J. 2024;68(3).
Rosenstock IM. Why People Use Health Services. Milbank Mem Fund Q. 1966;44(3):94–127.
ระบบข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาจังหวัดอุดรธานี สำนักศึกษาธิการจังหวัดอุดรธานี. ข้อมูลประชากรแยกตามอายุ 2565 [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 3 เม.ย. 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://www.udonpeo.go.th/data/app/2565/school.php?area=101
Krejcie RV, Morgan DW. Determining Sample Size for Research Activities. Educ Psychol Meas. 1970;30(3):607–10.
Bloom BS, Hastings JT, Madaus GF. Handbook on formative and summative evaluation of student learning. New York: McGraw-Hill; 1971.
Best JW. Research in Education. New Jersey: Prentice hall Inc; 1977.
ดรัญชนก พันธ์สุมา, พงษ์สิทธิ์ บุญรักษา. ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการป้องกันโควิด-19 ของประชาชนในตำบลปรุใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา. ศรีนครินทร์เวชสาร. 2564;35(5):597-604.
เดชาวัต ครองสมบัติ, ปกกมล เหล่ารักษาวงษ์, นาฏนภา หีบแก้ว ปัดชาสุวรรณ์. ความสัมพันธ์ระหว่างแบบแผนความเชื่อทางด้านสุขภาพและการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชนในจังหวัดชัยภูมิ. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 2566;18(3):1-15.
พนัชญา ขันติจิตร, ไวยพร พรมวงศ์, ชนุกร แก้วมณี, อภิรดี แจริญนุกูล. แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิ์ประสงค์. 2564;5(2):39-53.
ยุพารัตน์ งามประดิษฐ์, อนัญญา ประดิษฐปรีชา, อารยา ประเสริฐชัย. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของสตรีตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 2567;18(1):266-280.
ปทุมมา ลิ้มศรีงาม, ศรัณย์ธร ศศิธนากรแก้ว, วราพรรณ อภิศุภะโชค. การรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ผ่านสื่อสังคมออนไลน์กับทัศนคติและพฤติกรรมการป้องกันโรคในกรุงเทพมหานคร. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 2564;8(9):18-33.
ปัณณฑัต ตันธนปัญญากร, นลพรรณ ขันติกุลานนท์, ศศิวิมล จันทร์มาลี, อภิเชษฐ์ จำเนียรสุข. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกรับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ของผู้ป่วยที่รับการรักษาในแผนกอายุรกรรมของโรงพยาบาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2566;32(ฉ.พิเศษ2):s228-s240.
Maneesriwongul W, Deesamer S, Butsing N. Parental Vaccine Literacy: Attitudes towards the COVID-19 Vaccines and Intention to Vaccinate Their Children Aged 5–11 Years against COVID-19 in Thailand. Vaccines. 2023;11(12).
สุชิต แสนเภา. ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ปกครองในการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่เด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปีในโรงพยาบาลจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ. วารสารโรงพยาบาลจัตุรัส. 2566;43(2):86-95.
Eshun G, Kyei-Arthur F, Abdou MS, Agyekum MW, Sarfo M, Agbenyeavu JK, et al. Acceptance of COVID-19 vaccine booster doses among the Adult Population in Ghana: a cross-sectional study using the Health Belief Model. BMC Public Health. 2024;24(1):2673.
Ventonen M, Douglas-Smith N, Hatin B. Predicting the intention to receive the COVID-19 booster vaccine based on the health belief model. Acta Psychol. 2024;246:104254.
Qin C, Yan W, Tao L, Liu M, Liu J. The Association between Risk Perception and Hesitancy toward the Booster Dose of COVID-19 Vaccine among People Aged 60 Years and Older in China. Vaccines. 2022;10(7).