Factors Influencing Preventive Behavior of Hypertension among Prehypertension in Khlon-Khlung District, Kamphaeng-Phet Province
Main Article Content
Abstract
The hypertensive risk groups aged 35–59-year-old who had been screened with high blood pressure will change to hypertension patients. These groups are in urgent need to change behavior. The study of factors influencing behavior is an important input in designing behavior modification programs for maximum spatial effectiveness. This analytical cross-sectional research aimed to study the prevalence of protective behavior and determine factors influencing hypertensive prevention behavior. The sample consisted of risk groups screened with prehypertensive by the Ministry of Public Health Screening Program in the previous year aged 35-59 years in Khlong Khlung District. Kamphaeng Phet Province. 485 of the samples were selected by multi-stage sampling technique and systematic random sampling. Statistical analysis was percentage, mean, standard deviation, and enter method multiple regression.
The results showed that most of the sample (78.6%) had an overall protective behavior level at a low level. Factors influencing hypertension prevention behavior by statistically significant at <0.01, include response efficacy: expectations of behavioral outcomes (Beta = -0.234), expectations of their abilities (Beta = 0.338), Social support for the prevention of hypertension (Beta = 0.326), sufficient income within the family (Beta = -0.135), and the person who provides information about hypertension (Beta = 0.530). These factors could predict 21% (Adjusted R2 = 0.210).
Findings recommended that authorities should consider the contents of the protection intervention program by a combination in raising perceived self-efficacy and social support.
Article Details
References
2020 July 18]. Available from: http://www.who.int/publications/i/item/global-ncd-target-reduce-high-
blood-pressure. 2016.
2. กลุ่มพัฒนาระบบสาธารณสุขสำนักโรคไม่ติดต่อกรมควบคุมโรค. ประเด็นสารรณรงค์วันความดันโลหิตสูงโลก ปี2561
[อินเตอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 18 กรกฎาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก
www.thaincd.com/document/file/info/non-communicable-disease/ประเด็นสารวันความดันโลหิตสูง_61.pdf
2561.
3. คลังข้อมูลสุขภาพ. ข้อมูลHDC-Report [อินเตอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 20 ธันวาคม 2562]. เข้าถึงได้จาก:
www.kpo.go.th.
4. คลังข้อมูลสุขภาพจังหวัดกำแพงเพชร. ข้อมูลHDC-Report [อินเตอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 20 ธันวาคม 2562]. เข้าถึงได้
จาก; www.kpo.go.th.
5. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร. รายงานประจำปี2557 [อินเตอร์เน็ต]. 2557 [เข้าถึงเมื่อ 20 ธันวาคม 2562].
เข้าถึงได้จาก: https://slideum.com/167581/สสจ-นำเสนอ-@kpp_present_14082557.
6. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. กลุ่มโรคNCDs [อินเตอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ18 กรกฎาคม 2563].
เข้าถึงได้จาก: https://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds/2/173/176-กลุ่มโรค+NCDs.html
7. บุญฤทธิ์ หุ่นสุวรรณ์. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล
เพชรละคร อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ [วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. พิษณุโลก:
มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2561.
8. อุไรพร คล้ำฉิม. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของผู้ที่มีความดันโลหิตสูงระยะเริ่มต้นในจังหวัด
สมุทรสงคราม [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; 2554.
9. บดินทร์ บุญขันธ์. ปัจจัยการรับรู้และแรงสนับสนุนทางสังคมของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการรักษาด้วยยา
ของผู้ป่วยจิตเภทในจังหวัดอำนาจเจริญ [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. อุบลราชธานี:
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี; 2553.
10. นวลพรรณ อิศโร. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมทางเพศที่พึงประสงค์ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในจังหวัดจันทรบุรี. วารสารคณะ
พยาบาลศาสตร์ 2559;24(2):72-84.
11. กังสดาล หาญไพบูลย์. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมสุขภาพเพื่อชะลอไตเสื่อมของผู้ป่วย โรคไต เรื้อรังระยะที่ 3-4 โรงพยาบาล
คลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2561.
12. Bloom BS. Handbook on formative and summative evaluation of student learning. New York:
McGraw-Hill; 1971.
13. นุจรี อ่อนสีน้อย. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันความดันโลหิตสูงในกลุ่มประชาชนที่มีภาวะก่อนเป็นโรคความดันโลหิตสูง
[วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; 2559.
14. อนุพันธ์ แสงศรี. การศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ในเขต
เทศบาลตำบลบางปรอก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี. วารสารสหเวชศาสตร์ 2560; 2(1):59-79.
15. Parthaje PM. Prevalence and correlates of Prehypertension Among Adults in Urban South India
[Internet]. 2016 [Cited 2019 December 29]. Available from:
https://journals.sagepub.com/doipdf/10.1177/1010539515616453. 2016.
16. อมรรัตน์ ลือนาม. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของประชากรกลุ่มเสี่ยง.
วารสาร มฉก. วิชาการ 2562;23(1):93-106.
17. ธัญชนก ขุมทอง. ปัจจัยที่มีผลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนกลุ่มเสี่ยง โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในจังหวัด
อุทัยธานีและอ่างทอง [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2559.
18. จินดาพร ศิลาทอง. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของผู้ใหญ่ กลุ่มเสี่ยงในชุมชนอำเภอบ้านแหลม
จังหวัดเพชรบุรี [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. นครปฐม: มหาวิทยาลัยคริสเตียน; 2553.
19. Rogers, R.W. Cognitive and physiological processes in fear appeals and attitude change: A revised theory of
protection motivation. New York: Guiford Press; 1983.
20. House J. Work Stress and Social Support. California: Addison-Wesley; 1981.
21. นภาพร แหวนแก้ว. ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3 Self ร่วมกับแรงสนับสนุนทาง
สังคมที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโรงพยาบาล ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ.
วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ 2562;8(2):99-110.
22. นุชรีย์ แสงสว่าง. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคหืด. [ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. นครปฐม:
มหาวิทยาลัยมหิดล; 2553.