ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุไทยในชุมชน อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี

ผู้แต่ง

  • ตวงรัตน์ อัคนาน
  • กันธิมา ศรีหมากสุก 0812911068
  • ธงเทพ วงษ์ศรีสังข์
  • ชวนพิศ ศิริไพบูลย์
  • อิทธิพล ดวงจินดา
  • ศศิกานต์ พิลาภรณ์

คำสำคัญ:

การรับรู้, การพลัดตกหกล้ม, พฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้ม, ผู้สูงอายุไทย

บทคัดย่อ

การพลัดตกหกล้มเป็นปัญหาสำคัญและพบได้บ่อยในผู้สูงอายุไทย อาจนำไปสู่สุขภาพที่กลับคืนมาไม่ได้ทางร่างกาย จิตใจ และมีผลกระทบที่รุนแรงคุกคามชีวิตของผู้สูงอายุ นำไปสู่การเกิดภาวะเจ็บป่วย ส่งผลต่อวิถีดำเนินชีวิตในด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ลึกซึ้ง การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบตัดขวางครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยชีวสังคม ปัจจัยการรับรู้เกี่ยวกับการพลัดตกหกล้ม พฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้ม และหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยชีวสังคม ปัจจัยการรับรู้เกี่ยวกับการพลัดตกหกล้ม และพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุไทยในชุมชน กลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุไทย อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 412 คน โดยวิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นตามแนวทฤษฎีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ได้ค่าดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (S-CVI) เท่ากับ 0.956 และค่าความเที่ยงตรง โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาค เท่ากับ 0.888 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติไคสแควร์ และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน

ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุ ทั้งหมด 412 คน ร้อยละ 63.35 เป็นเพศหญิง เป็นผู้สูงอายุตอนต้น (60-69 ปี) 251 คน (ร้อยละ 60.92) ผู้สูงอายุตอนกลาง (70-79 ปี) 108 คน (ร้อยละ 26.22) และผู้สูงอายุตอนปลาย (ตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป) 53 คน (ร้อยละ 12.86) อายุเฉลี่ย 66.84 ปี (S.D.= 5.724) จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ร้อยละ 80.10 สถานภาพสมรส/คู่ ร้อยละ 64.08 การอยู่อาศัยกับคู่สมรส ร้อยละ 56.55 อาชีพหลักเกษตรกร ร้อยละ 37.86 มีรายได้แต่ไม่เพียงพอ ร้อยละ 58.01 มีโรคประจำตัว ร้อยละ 57.04 เป็นโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 34.71 มีผู้ดูแลคือคู่สมรส ร้อยละ 47.82 มีการใช้ยา ร้อยละ 51.94 ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอออล์ ร้อยละ 74.03 และเคยมีประวัติการหกล้มในรอบ 6 เดือนที่ผ่าน ร้อยละ 27.43 ปัจจัยการรับรู้เกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มโดยรวมอยู่ในระดับมาก (Mean=2.66, S.D.=0.227) พฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มโดยรวมอยู่ในระดับมาก (Mean=2.07, S.D.=0.391) ปัจจัยชีวสังคมผู้สูงอายุมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ปัจจัยการรับรู้เกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มโดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำกับพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุไทยในชุมชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ <0.01 (r=0.215, p<0.001) โดยทุกรายด้านมีความสัมพันธ์ทางบวกอยู่ในระดับต่ำมาก ได้แก่ การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม (r=0.204,
p<0.001) การรับรู้ความรุนแรงของการพลัดตกหกล้ม (r=0.122, p=0.001) การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันการพลัดตกหกล้ม (r=0.176, p<0.001) การรับรู้อุปสรรคของการป้องกันการพลัดตกหกล้ม (r=0.179, p<0.001) และการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการพลัดตกหกล้ม (r=0.168, p=0.001)

จากการวิจัยครั้งนี้ ปัจจัยการรับรู้เกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มทุกรายด้านมีความสัมพันธ์ทางบวก แต่พบว่าอยู่ในระดับต่ำมากกับพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุไทยในชุมชน ซึ่งอาจเป็นอิทธิพลของปัจจัยด้านชีวสังคมที่มีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มช่วงวัยของผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงควรส่งเสริมและจัดกิจกรรมที่เน้นการพัฒนาความสามารถให้ผู้สูงอายุมีการรับรู้ที่ถูกต้องตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพอย่างเป็นขั้นตอนและวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้เกิดการปฏิบัติพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มที่เหมาะสม มีความปลอดภัยและสอดคล้องบริบทของผู้สูงอายุไทยในชุมชน

Author Biographies

ตวงรัตน์ อัคนาน

สำนักงานสาธารณสุขอำเภอไทรโยค หมู่ 1 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 71150

ธงเทพ วงษ์ศรีสังข์

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ป่าสะแก หมู่ที่ 6, ตำบลป่าสะแก อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัด สุพรรณบุรี

อิทธิพล ดวงจินดา

คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี 77 ม.4 ต.ทับตีเหล็ก อ. เมือสุพรรณบุรีง จ. สุพรรณบุรี

ศศิกานต์ พิลาภรณ์

คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี 77 ม.4 ต.ทับตีเหล็ก อ. เมือสุพรรณบุรีง จ. สุพรรณบุรี

References

กนกวรรณ เมืองศิริ, นิภา มหารัชพงศ์, & ยุวดี รอดจากภัย. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุ จังหวัดชลบุรี. วารสารมหาวิทยาลัยนเรศวร, 25(4), 23-33.

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2563). ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพที่สำคัญ (KPI). ค้นเมื่อ 25 ธันวาคม 2563, จาก http://healthkpi.moph.go.th/kpi2/kpi-list/view/?id=1492

กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2563). สถิติผู้สูงอายุ. ค้นเมื่อ 25 ธันวาคม 2563, จาก http://www.dop.go.th/th/know/1

เกษริน อุบลวงศ์, & นัยนา พิพัฒน์วณิชชา. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมป้องกันโรคสมองเสื่อมของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีกรุงเทพ, 33(2), 14-24

เขตสุขภาพที่ 5. (2563). ข้อมูลประชากรผู้สูงอายุเขตสุขภาพที่ 5. ค้นเมื่อ 25 ธันวาคม 2563, จาก https://www.rbpho.moph.go.th/ hdc.php

จักรพันธ์ เพ็ชรภูมิ. (2561). พฤติกรรมสุขภาพ: แนวคิด ทฤษฎี และการประยุกต์ใช้ (พิมพ์ครั้งที่ 3). พิษณุโลก: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ญาดานุช บุญญรัตน์. (2561). การป้องกันการหกล้มสำหรับผู้สูงอายุในชุมชน โดยมีผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง. ลำปางเวชสาร, 39(1), 41-43.

ฐิติมา ทาสุวรรณอินทร์, & กรรณิการ์ เทพกิจ. (2560). ผลของโปรแกรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มต่ออัตราการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ. วารสารการวิจัยกาสะลอง, 11(3 ฉบับพิเศษ), 175-195.

ดาราวรรณ รองเมือง, ฉันทนา นาคฉัตรีย์, จีราพร ทองดี, & จิตติยา สมบัติบูรณ์. (2559). อุบัติการณ์ของการหกล้มและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการหกล้มในผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชน จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 27(1), 123-138.

นิพา ศรีช้าง, & วลวิตรา ก๋าวี. (2560). รายงานการพยากรณ์การพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ในประเทศไทย

ปี พ.ศ. 2560-2564. ค้นเมื่อ วันที่ 16 กรกฏาคม 2564, จาก http://www.thaincd.com/2016/mission/documents-detail.php?id=12095&tid=&gid=1-027)

ปริศนา รถสีดา. (2561). การป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน: บทบาทพยาบาลกับการดูแลสุขภาพที่บ้าน. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย, 11(2), 15-25.

ปณิตา ลิมปะวัฒนะ, สุมิตร สุตรา, ยุพา ถาวรพิทักษ์, จาริญญ์ จินดาประเสริฐ, & พิศาล ไม้เรียง. (2555). การนอนพักรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากภาวะหกล้มในผู้สูงอายุ. จดหมายเหตุทางแพทย์ แพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย, 95(7), 235-239.

ปวันรัตน์ ศรีคำ, & ศิริพันธุ์ สําสัตย์. (2561). ปัจจัยทำนายการหกล้มในผู้สูงอายุโรคพาร์กินสัน. วารสารพยาบาลตำรวจ, 10(1), 1-11

พิมพิสุทธิ์ บัวแก้ว, & รติพร ถึงฝั่ง. (2559). การดูแลสุขภาพและภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุไทย. วารสารสมาคมนักวิจัย, 21(2), 94-109.

เพ็ญรุ่ง วรรณดี, จิรพรรณ โพธิ์ทอง, & อุมากร ใจยั่งยืน. (2563). การศึกษาสถานการณ์การหกล้มในผู้สูงอายุในชุมชน จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9:วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 14(34), 126-141

ละออม สร้อยแสง, จริยาวัตร คมพยัคฆ์, & กนกพร นทีธนสมบัติ. (2557). การศึกษาแนวทางการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุชุมชนมิตรภาพพัฒนา. วารสารพยาบาลทหารบก, 15(1), 122-129.

วีระพงศ์ สีหาปัญญา. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างโรคข้อเข่าเสื่อมกับความเสี่ยงในการล้มในผู้สูงอายุ: กรณีศึกษา ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์. การประชุมวิชาการประจำ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2561. วารสารการแพทย์ศรีนครินทร์, 33(ฉบับพิเศษ), 57.

สุนันทา ผ่องแผ้ว. (2556). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุ จังหวัดนนทบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สาธารณสุขศาสตร์) สาขาวิชาเอกการพยาบาลสาธารณสุข บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2557). การสำรวจผู้สูงอายุในประเทศไทย 2557. กรุงเทพฯ: เท็กซ์แอนด์เจอร์นัลพับลิเคชั่น.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี. (2562). รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2562. ค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2562, จาก http://www.spo.moph.go.th/spo/

เสาวลักษณ์ อุ่นละม้าย. (2553). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล การรับรู้ประโยชน์ การรับรู้อุปสรรค และการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการหกล้มกับพฤติกรรมการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชน. วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

อัจฉรา สาระพันธ์, ณัฐกฤตา ศิริโสภณ, ประเสริฐศักดิ์ กายนาคา, สมบัติ อ่อนศิริ, บุญเลิศ อุทยานิก, สุพัฒน์ ธีรเวชเจริญชัย, และคณะ. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการป้องกันการหกล้มของผู้สุงอายุ. วารสารพยาบาลทหารบก, 18(ฉบับพิเศษ),

-222.

อาภาพร เผ่าวัฒนา, สิรินธร กลัมพากร, สุนีย์ ละก่ำปั่น, & ทัศนีย์ รวิวรกุล. (2561). การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในชุมชน: การประยุกต์ใช้แนวคิดและทฤษฎีสู่การปฏิบัติ (ฉบับปรับปรุง). ฉะเชิงเทรา: เอ็มเอ็นคอมพิวออฟเซท.

Al-Aama, T. (2011). Falls in the elderly: Spectrum and prevention. Canadian Family Physician, 57(7), 771-776.

Best, W. J. (1997). Research in education. Boston MA: Allyn and Bacon.

Centers for Disease Control and Prevention [CDC]. (2019). Home and recreational safety: older adult falls. Retrieved November 15, 2019, from https://www.cdc.gov/injury/wisqars/index.html

Ciprandi, D., Bertozzi, F., Zago, M., Sforza, C., & Galvani, C. (2018). Associations between objectively measured physical activity levels and physical fitness and health-related quality of life in elderly women. Sport Sciences for Health, 14(1), 183-191.

Haider, F. (2017). Countries with the largest aging population in the world. Retrieved November 14, 2019, from https://www.worldatlas.com

Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.

Kuehn, B. M. (2010). Primary care screening and intervention helps prevent falls among elderly. JAMA, 303(20), 2019-2020.

Lovarini, M., Clemson, L., & Dean, C. (2013). Sustainability of community-based fall prevention programs:

A systematic review. Journal of Safety Research, 47, 9-17.

Maneeprom, N., Taneepanichskul, S., & Panza, A. (2018). Falls among physically active elderly in senior housings, Bangkok, Thailand: Situations and perceptions. Clinical Interventions in Aging, 13, 2149-2159.

Miguel, T., Natacha, R., Antonio, T. M., & Simoes, R. (2013). Physical consequences of falls in the elderly: A literature review from 1995 to 2010. European Review of Aging and Physical Activity, 11, 51-59.

Rubenstein, L. Z., & Josephson, K. R. (2002). The epidemiology of falls and syncope. Clinical Geriatric Medicine, 18, 141-158.

Salkind, N. J. (2011). Exploring Research (8th ed). New Jersey: Prentice-Hall.

Stretcher, V., & Rosenstock, I. M. (1997). The health belief model. In K.Glanz, F. M.Lewis, & B. K. Rimer (Eds.). Health behavior and health education: theory, research and practice (2nd ed.). San Francisco: Jossey-Bass.

Touhy, T. A., & Jett, K. F. (2010). Ebersole & Hess’ gerontological nursing & healthy aging. (3rd ed.). Saint Louis, MO: Mosby Elsevier.

United Nations. (2019). World population prospects 2019. Retrieved November 14, 2019, from https://population.un.org/wpp/

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2021-08-03