ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการกลับเป็นซ้ำของโรคเหา ในเด็กนักเรียนหญิง ระดับประถมศึกษาตอนต้น จังหวัดมหาสารคาม
คำสำคัญ:
Head lice, relapsing, primary school female studentsบทคัดย่อ
โรคเหายังคงเป็นปัญหาที่สำคัญในกลุ่มเด็กนักเรียน หากติดเชื้อนานและกลับเป็นซ้ำจะทำให้ขาดประสิทธิภาพในการเรียน การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการกลับเป็นซ้ำของโรคเหาในเด็กนักเรียนหญิง
การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบ Case-Control study กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดจำนวน 246 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มศึกษา คือ ผู้ปกครองของนักเรียนหญิงที่ตรวจสอบพบประวัติการได้รับยาฆ่าเหา (Benzyl benzoate) แล้วพบการกลับมาเป็นโรคเหาซ้ำ ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังจากการได้รับการรักษา จำนวน 123 คน และกลุ่มควบคุม คือ ผู้ปกครองของนักเรียนหญิงที่ตรวจสอบพบประวัติการได้รับยาฆ่าเหา (Benzyl benzoate) แล้วไม่พบการกลับมาเป็นโรคเหาซ้ำ ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังจากการได้รับการรักษา จำนวน 123 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ วิเคราะห์หาความสัมพันธ์โดยใช้สถิติพหุถดถอยแบบโลจิสติก (Multiple Logistic regression) นำเสนอขนาดความสัมพันธ์ด้วยค่า Adjusted Odds Ratio (ORadj) และช่วงความเชื่อมั่น 95% และค่า p-value
ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการกลับเป็นซ้ำของโรคเหาในเด็กนักเรียนหญิงประถมศึกษาตอนต้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ได้แก่ เด็กนักเรียนที่มีระดับผมยาว (ORadj = 9.79, 95% CI = 2.47-38.80, P-value = 0.002) เด็กนักเรียนที่ไม่เคยมีประวัติการใช้แชมพูฤทธิ์กำจัดเหา (ORadj = 31.71, 95% CI = 11.7-85.95, P-value < 0.001) ผู้ปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 8,000 บาท (ORadj = 5.97, 95% CI = 2.44-14.61, P-value < 0.001) และผู้ปกครองที่มีพฤติกรรมการป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคเหาที่ไม่ดี (ORadj = 7.25, 95% CI = 3.25-16.14, P-value < 0.001)
ดังนั้นผู้ปกครองและคุณครูประจำชั้นควรมีส่วนร่วมในการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลของเด็กนักเรียนทุกคน การตรวจเส้นผมและหนังศีรษะทุกสัปดาห์ การให้ใช้แชมพูฤทธิ์กำจัดเหาในกลุ่มที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นที่มีระดับผมยาว
คำสำคัญ: โรคเหา การกลับเป็นซ้ำ นักเรียนหญิงระดับประถมศึกษาตอนต้น
References
นิศาชล อนุสัย, นิภาพร สมประสงค์, เกศิณี หาญจังสิทธิ์, & แก้วใจ มาลีลัย. (2559). ระบาดวิทยาของโรคเหาในนักเรียนชั้นประถมศึกษา อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 12; 8-9 กันยายน 2559; มหาสารคาม.
ปรีณากร ดอมนิน. (2552). ผลของโปรแกรมสุขศึกษาที่มีต่อการป้องกันการเป็นเหาสำหรับนักเรียนประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พรรณพร ศรีเจริญล่ำชำ. (2561). โครงการพัฒนาเครือข่ายและสร้างแกนนำในการกำจัดเหาอย่างยั่งยืน. ค้นเมื่อ 20 กันยายน 2562, จาก http://203.155.220.238/csc/attachments/article/159/doctor610601.pdf
อรจุฑา ชยางศุ. (2562). โรคเหา การติดต่อ และการดูแลรักษา. ค้นเมื่อ 19 กันยายน 2562, จาก http://inderm.go.th/news/ myfile/183255ae6801b20347_louse.pdf
สกล สุนันทราภรณ์. (2557). การวิเคราะห์ความผันแปรของยีน Cytochrome C Oxidase subunit I ในไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอของเหาศีรษะ (Pediculus humanus capitis) ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Burgess, I. F. (2016). Head lice: Resistance and treatment options. The Pharmaceutical Journal, 297.
Dagne, H., Biya, A. A., Tirfie, A., Yallew, W. W., & Dagnew, B. (2019). Prevalence of pediculosis capitis and associated factors among schoolchildren in Woreta town, northwest Ethiopia. BMC Research Notes, 12(1), 1-6.
Di Campli, E., Di Bartolomeo, S., Pizzi, P. D., Di Giulio, M., Grande, R., Nostro, A., & Cellini, L. (2012). Activity of tea tree oil and nerolidol alone or in combination against Pediculus capitis (head lice) and its eggs. Parasitology Research, 111(5), 1985-1992.
Meister, L., & Ochsendorf, F. (2016). Head lice. Deutsches Arzteblatt International, 113(45), 763–772.
Government of South Australia, (2016). Head lice prevention and treatment. Retrieved October 2, 2019, from https://www.sahealth.sa.gov.au/wps/wcm/connect/2d290f80458f949a927eff4ba88a01d5/15076.6+Head+Lice+A4+Brochurev7WebS.PDF?MOD=AJPERES&CACHEID=ROOTWORKSPACE2d290f80458f949a927eff4ba88a01d5-mMFyCRy
Gulgun, M., Balcı, E., Karaoğlu, A., Babacan, O., & Türker, T. (2013). Pediculosis capitis: prevalence and its associated factors in primary Schoolchildren living in rural and urban areas in Kaiseri, Turkey. Central European journal of public health, 21(2), 104-108.
Hsieh, F. Y. (1989). Sample size tables for logistic regression. Statistics in medicine, 8(7), 795-802.
Moradiasl, E., Habibzadeh, S., Rafinejad, J., Abazari, M., Ahari, S. S., Saghafipour, A., et al. (2018). Risk factors associated with head lice (pediculosis) infestation among elementary school students in Meshkinshahr county, North West of Iran. International Journal of Pediatrics, 6(3), 7383-7392.
Saghafipour, A., Nejati, J., Zahraei Ramazani, A., Vatandoost, H., Mozaffari, E., & Rezaei, F. (2017). Prevalence and risk factors associated with head louse (Pediculus humanus capitis) in Central Iran. International Journal of Pediatrics, 5(7), 5245-5254.
Schlesselman, J. J. (1982). Case-control studies: Design, conduct, analysis. Oxford: Oxford University Press.
Yingklang, M., Sengthong, C., Haonon, O., Dangtakot, R., Pinlaor, P., Sota, C., et al. (2018). Effect of a health education program on reduction of pediculosis in school girls at Amphoe Muang, Khon Kaen Province, Thailand. PloS one, 13(6), e0198599.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น | KKU Journal for Public Health Research
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.