อุปสรรคของการมารับบริการฝากครรภ์ในเขตชนบทของประเทศเนปาล
คำสำคัญ:
ปสรรค, บริการฝากครรภ์, ชุมชนชนบท, ประเทศเนปาลบทคัดย่อ
ในประเทศเนปาลเป็นประเทศที่มีอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของมารดาและทารก
มากที่สุดในระดับโลก การฝากครรภ์ (ANC) เป็นหนึ่งในบริการสุขภาพเชิงป้องกันที่สำคัญที่ใช้ใน
การป้องกันไม่ให้เกิดการตายและเจ็บป่วยของมารดาและทารกทั่วโลก ดังนั้นเพื่อลดการตายของ
มารดาและการเจ็บป่วย การเพิ่มขึ้นของการบริการอนามัยการเจริญพันธุ์และมารดาจึงเป็น
สิ่งจำเป็น จึงเป็นที่มาของการศึกษาในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของการมารับ
บริการฝากครรภ์ของมารดาและอุปสรรคต่อการมารับบริการ ใช้การศึกษาเชิงสำรวจแบบ
ภาคตัดขวาง โดยดำเนินการในตำบลเบงเก ในพื้นที่ชนบทส่วนกลางของภูมิภาคตะวันตก (หนึ่ง
ในห้าของพื้นที่ที่เป็นพื้นที่การพัฒนาของประเทศ) เก็บรวบรวมในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม
2559 ใช้เทคนิคการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ผู้วิจัยสุ่มหมู่บ้าน (VDC) จำนวน 6 หมู่บ้าน
และสุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงที่มีบุตรอายุต่ำกว่า 1 ปี และมีอายุในช่วง 15-49 ปี จำนวน 364 ราย
ใช้สถิติ bivariate และการถดถอยโลจิสติกหลายตัวแปร ผลการศึกษาพบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่ง
(56%) มารับบริการฝากครรภ์ตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (อย่างน้อย 4 ครั้งตาม
กำหนด) ร้อยละ 39 มารับบริการฝากครรภ์น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (มารับ
บริการฝากครรภ์ 1-3 ครั้ง) และร้อยละ 5 ไม่มารับบริการฝากครรภ์ นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจัยด้าน
การนับถือศาสนา การไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว การไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากทีวี
คุณภาพของการบริการไม่ดี มีค่าใช้จ่ายการเดินทางและบริการสูง ไม่มีความพึงพอใจกับการ
บริการฝากครรภ์ และการรับรู้เชิงลบเป็นอุปสรรคสำคัญในการใช้ประโยชน์จากบริการฝากครรภ์
โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ได้นับถือศาสนาฮินดูซึ่งเป็นศาสนาของพื้นที่ที่ศึกษา มีค่าใช้จ่ายในการ
เดินทางและค่าใช้จ่ายบริการที่สูง เป็นปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อ
เทียบกับผู้หญิงที่นับถือศาสนาฮินดู และมีต้นทุนในการเดินทางและค่าใช้จ่ายบริการที่ไม่ต่ำกว่า
จากผลการวิจัยของการศึกษานี้ช่วยลดอุปสรรคในการมารับบริการฝากครรภ์ในกลุ่มเป้าหมายคือ
ผู้หญิงในพื้นที่ชนบทและผู้หญิงที่ไม่ได้นับถือศาสนาฮินดู จึงควรต้องมีการปรับปรุงบริการฝาก
ครรภ์ให้เอื้ออำนวย ความสะดวก และควรที่จะให้มีบริการฝากครรภ์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จึงจะ
สามารถลดอุปสรรคในการรับบริการฝากครรภ์ ทำให้อัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของมารดา
และทารกในประเทศเนปาลลดลง