การศึกษาระดับความเสี่ยงของการเกิดแผลเบาหวานที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2 ของโรงพยาบาลท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี
คำสำคัญ:
ระดับความเสี่ยงของการเกิดแผลเบาหวานที่เท้า, แผลเบาหวานที่เท้า, เบาหวานชนิดที่ 2บทคัดย่อ
การศึกษาระดับความเสี่ยงและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดแผลเบาหวานที่เท้าในเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับบริการ ณ โรงพยาบาลท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบตัดขวาง โดยการทบทวนเวชระเบียนและการประเมินผู้ป่วยที่มารับบริการ ณ โรงพยาบาลท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ในระหว่างเดือน ต.ค. 2566 – ก.ย. 2567 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแบบบันทึกข้อมูลและแบบประเมินเท้า ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา และวิเคราะห์ความเชื่อมั่นโดยมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค เท่ากับ 0.7 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกเชิงพหุ (Multiple Logistic Regression)
ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำร้อยละ 94.2 โดยผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง มีร้อยละ 5.8 การวิเคราะห์การถดถอยลอจิสติกพบว่า ระยะเวลาการเป็นเบาหวาน และ ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร (FBS) มีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยผู้ที่เป็นเบาหวานนานกว่า 10 ปี มีโอกาสเสี่ยงสูงเป็น 2.66 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่เป็นน้อยกว่า 5 ปี (Adjusted OR = 2.66, 95% CI: 1.64 – 4.31, p < 0.001) และผู้ที่มีระดับ FBS สูงกว่า 130 mg/dL มีโอกาสเสี่ยงสูงเป็น 1.61 เท่า (Adjusted OR = 1.61, 95% CI: 1.16 – 2.23, p = 0.004)
ควรเน้นการตรวจคัดกรองเท้าและให้ความรู้เฉพาะบุคคลในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคมานานและกลุ่มที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Rosyid FN. Etiology, pathophysiology, diagnosis and management of diabetics’ foot ulcer. Int J Res Med Sci. 2017;5(10):4206–13. https://doi.org/10.18203/2320-6012.ijrms20174548
Rosyid FN. Diabetic foot ulcer: A concept analysis. Int J Nurs Sci. 2017;4(3):292–8. https://doi.org/10.1016/j.ijnss.2017.06.005.
HDC. ระบบรายงานมาตรฐาน. Health Data Center [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://hdc.moph.go.th/lri/public/
standard-report-detail/eeeab22e386d32e7f5f5ecefebce0001
International Working Group on the Diabetic Foot. Guidelines on the prevention and management of diabetic foot disease [Internet]. 2019. [cited 2025 April 25]. Available from: https://iwgdfguidelines.org
สมบัติ วงศ์แก้ว, วรรณภา ศรีจันทร์ และคณะ. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดแผลที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวาน. วารสารพยาบาลสาร. 2561;45(3):148-61.
ศรีสุดา จิระประดิษฐากุล, วรลักษณ์ สันติมิตร. ความชุกและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดแผลที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวานในโรงพยาบาลระดับอำเภอ. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11. 2563;34(1):55-68.
International Working Group on the Diabetic Foot. IWGDF Guidelines on the prevention and management of diabetic foot disease [Internet]. 2566 [cited 2024 Nov 25]. Available from: https://iwgdfguidelines.org/
Guo G, Guan Y, Chen Y, Ye Y, Gan Z, Cao X, Chen Z, Hao X. HbA1c and the Risk of Lower Limb Ulcers Among Diabetic Patients: An Observational and Genetics Study. J Diabetes Res. 2025;4744194. https://doi.org/10.1155/jdr/4744194.
American Diabetes Association. Standards of Care in Diabetes—2024. Diabetes Care. 2567;47(Suppl 1):S19-S40.
Wong KW, Kiew YY. Predictors of diabetic foot ulcers in type 2 diabetes mellitus patients: a systematic review and meta-analysis. Clin Diabetes. 2021;39(3):328–39.
Smith K, Jones A, et al. Effectiveness of Intensive Surveillance in Reducing Recurrence of Diabetic Foot Ulcers: A Prospective Study. Diabetes Care. 2022;45(8):1880-8.
เพ็ญศรี แคนยุกต์, สุวรรณี จำปาทอง, สุวรัตน์ วาปีทับ. พัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยเท้าเบาหวาน โรงพยาบาลตรัง. วารสารวิชาการด้านสาธารณสุขของไทย. 2553;3(1):32-41.
จิราภรณ์ รัตนวิบูลย์. การประเมินความเสี่ยงต่อแผลที่เท้าในคลินิกโรคเรื้อรัง จังหวัดชัยนาท. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 2565;36(2):155-68.
ธีระพล คำอ้วน, จิราพร เกศพิชญวัฒนา และคณะ. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะปลายประสาทอักเสบและภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบกับความเสี่ยงแผลเบาหวานที่เท้า. วารสารพยาบาลตำรวจ. 2560;9(1):119-29.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 โรงพยาบาลสิงห์บุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลสิงห์บุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลสิงห์บุรี และบุคคลากรท่านอื่นๆในโรงพยาบาลฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
