ผลการฝึกพลัยโอเมตริกบนพื้นทรายกับพื้นหญ้าต่อความสามารถการกระโดดสูงจากพื้น ของนักกีฬาวอลเลย์บอลระดับมัธยมศึกษา

ผู้แต่ง

  • ณัฐวัฒน์ ยิ้มสวัสดิ์ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา วิทยาลัยพหุวิทยาการและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่1*, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ภัทรพร สิทธิเลิศพิศาล ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

พลัยโอเมตริก, พื้นทราย, พื้นหญ้า, การกระโดดสูง, นักกีฬาวอลเลย์บอล

บทคัดย่อ

การพัฒนาความสามารถในการกระโดดมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล โดยเฉพาะในเด็กนักกีฬาที่มีข้อจำกัดด้านรูปร่างที่ไม่สูงมากนัก ทำให้เสียเปรียบในการแข่งขัน การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลของการฝึกพลัยโอเมตริกบนพื้นทรายกับพื้นหญ้าต่อความสามารถในการกระโดดสูงของนักกีฬาวอลเลย์บอลระดับมัธยมศึกษา การวิจัยใช้รูปแบบการทดลอง โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลเพศชายในระดับมัธยมศึกษา อายุ 12-15 ปี จำนวน 20 คน จากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 3 อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ทำการสุ่มอย่างง่ายโดยวิธีจับฉลากแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่มๆละ 10 คน ได้แก่ กลุ่มที่ฝึกพลัยโอเมตริกบนพื้นทราย และกลุ่มที่ฝึกพลัยโอเมตริกบนพื้นหญ้า ทั้งสองกลุ่มได้รับการฝึกด้วยโปรแกรมพลัยโอเมตริกเดียวกัน ประกอบด้วยท่า Multiple Box to Box Jump, Depth Jump, Jump and Reach และ Split Squat Jump โดยแบ่งการฝึกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 (สัปดาห์ที่ 1-4) ฝึก 3 ชุดๆละ 10 ครั้ง และระยะที่ 2 (สัปดาห์ที่ 5-8) ฝึก 3 ชุดๆละ 15 ครั้ง โดยพักระหว่างชุด 2 นาที และพักระหว่างท่า 3 นาที ทำการฝึก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ ก่อนและหลังการทดลอง ทำการวัดความสามารถในการกระโดดสูงด้วยท่ากระโดดแบบย่อตัวก่อนกระโดด โดยใช้เครื่องมือ Vertec™ Vertical Jump Tester วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Mann-Whitney U Test และ Wilcoxon Signed Rank Test ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า คุณลักษณะพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่างในด้านอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย และประสบการณ์การเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลทั้งสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p > 0.05) ความสามารถในการกระโดดสูงจากพื้นก่อนการฝึกของกลุ่มฝึกบนพื้นทรายและกลุ่มฝึกบนพื้นหญ้าไม่แตกต่างกันทางสถิติ (37.90±11.37 และ 42.50±6.55 เซนติเมตร ตามลำดับ, p > 0.05) และภายหลังการฝึก 8 สัปดาห์ ทั้งสองกลุ่มมีการพัฒนาในด้านระยะการกระโดดที่สูงขึ้น โดยความสามารถในการกระโดดสูงของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันทางสถิติเช่นกัน (39.00±13.61 และ 42.10±7.85 เซนติเมตร ตามลำดับ, p > 0.05) การเปลี่ยนแปลงของความสามารถในการกระโดดสูงหลังการฝึกระหว่างกลุ่มฝึกบนพื้นทรายและกลุ่มฝึกบนพื้นหญ้าไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (1.10±3.11 และ 0.04±2.67 เซนติเมตร ตามลำดับ, p = 0.280) ผลการศึกษาสรุปได้ว่า การฝึกพลัยโอเมตริกเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ทั้งบนพื้นทรายและพื้นหญ้าสามารถช่วยพัฒนาความสามารถในการกระโดดสูงของนักกีฬาได้ โดยไม่ส่งผลต่อความสามารถในการกระโดดสูงที่แตกต่างกันในนักกีฬาวอลเลย์บอลระดับมัธยมศึกษา ดังนั้น ผู้ฝึกสอนสามารถเลือกใช้พื้นผิวได้ตามความเหมาะสมและบริบทที่มี โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาความสามารถในการกระโดดสูงของนักกีฬา

เอกสารอ้างอิง

เจริญ กระบวนรัตน์. การพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาและการจัดทำแผนการฝึกซ้อม. เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการวิทยาศาสตร์การกีฬา. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2544.

อารีย์ อินสุวรรโณ. ผลของการใช้โปรแกรมการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง. สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2560.

ถนัด ทุนอินทร์. ผลการฝึกพลัยโอเมตริกบนพื้นทรายกับพื้นหญ้าต่อความสามารถในการกระโดดและความเจ็บปวดในนักกีฬาวอลเลย์บอลชายหาดระดับมัธยมศึกษา. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2559.

รังสรรค์ พิพัฒน์ชลธี. เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาวอลเลย์บอล. ปทุมธานี: โรงเรียนปทุมวิไล; 2552.

ถนอมวงศ์ กฤษณ์เพ็ชร. สรีรวิทยาการออกกำลังกาย. กรุงเทพฯ: ตีรณสาร; 2534.

สนธยา สีละมาด. หลักของการสอนทักษะกีฬา. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2547.

กรมพลศึกษา. คู่มือแบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายของเด็ก เยาวชน และประชาชนไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักวิทยาศาสตร์ กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา; 2562.

สำนักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายสำหรับเด็กไทยอายุ 7-18 ปี. นนทบุรี: สำนักพิมพ์สัมปชัญญะ; 2555.

Brown H, Dawson B, Binnie MJ, Pinnington H, Sim M, Clemons TD, et al. Sand training: Exercise-induced muscle damage and inflammatory responses to matched-intensity exercise. Eur J Sport Sci. 2017; 17(6): 741–7. doi:10.1080/17461391.2017.1304998.

Turner AN, Comfort P, McMahon J, Bishop C, Chavda S, Read P, et al. Developing powerful athletes, Part 1: mechanical underpinnings. Strength Cond J. 2020;42(3):30-9. doi:10.1519/SSC.0000000000000543.

Myer GD, Chu DA. Volume and recovery guidelines for young athletes. [Internet]. Champaign (IL): Human Kinetics; [cited 2023 Jun 1]. Available from: https://us.humankinetics.com.

Larkin D. The Benefits of Running On Grass. 2015 [cited 2023 Jun 1]. Available from: https://www. triathlete.com/training/the-benefits-of-running-on-grass.

Verkhoshanski Y. Depth jumping in the training of jumpers. Track Technique. 1973; 51: 1618-9.

Malina RM, Rogol AD, Cumming SP, Coelho e Silva MJ, Figueiredo AJ. Biological maturation of youth athletes: assessment and implications. Br J Sports Med. 2015;49(13). doi:10.1136/bjsports-2015-094623. PMID: 26084525.

Vassil K, Bazanovk B. The effect of plyometric training program on young volleyball players in their usual training period. J Hum Sport Exerc. 2012;7(1): 35-40.

Myer GD, Chu DA. Plyometric training in children and adolescents. Curr Sports Med Rep. 2013; 12(6): 332-42.

Ramírez-Campillo R, Álvarez C, García-Hermoso A, Ramírez-Vélez R, Gentil P, Asadi A, et al. Effects of plyometric jump training on jump and sprint performance in young male soccer players: a randomized controlled trial. J Strength Cond Res. 2018;32(7):1975-84.

Ramírez-Campillo R, González-Jurado JA, Martínez C, Nakamura FY, Peñailillo L, Meylan CM, et al. Effects of plyometric training and creatine supplementation on maximal-intensity exercise and endurance in female soccer players. J Sci Med Sport. 2016;19(8):682-7

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

08/04/2025

รูปแบบการอ้างอิง

ยิ้มสวัสดิ์ ณ. ., & สิทธิเลิศพิศาล ภ. . (2025). ผลการฝึกพลัยโอเมตริกบนพื้นทรายกับพื้นหญ้าต่อความสามารถการกระโดดสูงจากพื้น ของนักกีฬาวอลเลย์บอลระดับมัธยมศึกษา. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมล้านนา, 15(2), 35–47. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/lannaHealth/article/view/278542

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย