ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คำสำคัญ:
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์, พฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง, ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงบทคัดย่อ
โรคหลอดเลือดสมองเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญระดับโลกและสาเหตุการเสียชีวิตที่สูง โดยเฉพาะในผู้มีอายุมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ โดยสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดสมองมีสาเหตุหลักมาจากโรคความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ความรู้ การรับรู้ การสนับสนุนทางสังคม และพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง และเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมดังกล่าวในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 380 คน สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้แบ่งเป็นแบบสอบถาม 5 ส่วน คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ความรู้เรื่องโรคหลอดเลือดสมอง การรับรู้ แรงสนับสนุนทางสังคมและพฤติกรรมเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง มีค่าความเชื่อมั่นเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง 0.73-0.76 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและวิเคราะห์ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง วิเคราะห์ด้วยสถิติ Pearson Correlation
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมี ระดับความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองอยู่ในระดับมาก โดยรวม อยู่ในระดับมาก (Mean= 9.82, SD = 0.72 ) ด้านข้อมูลการรับรู้โดยรวมอยู่ในระดับมาก (Mean=3.75, SD = 0.36) ด้านแรงสนับสนุนทางสังคมโดยรวมอยู่ในระดับมาก (Mean= 3.82, SD = 0.47) และพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (Mean= 3.27, SD = 0.70) ตัวแปรที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรค ได้แก่ ความรู้ การรับรู้ การสนับสนุนทางสังคม กับพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากมากไปน้อย ได้แก่ การรับรู้ประโยชน์ (r=0.491, p-value < 0.001) สิ่งชักนำให้เกิดการปฏิบัติ (r=0.407, p-value < 0.001) การรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อ (r=0.371, p-value < 0.001) การรับรู้อุปสรรค (r=0.346, p-value < 0.001)) การรับข้อมูลจากครอบครัว (r=0.238, p-value < 0.001) การรับรู้ความรุนแรง (r=0.216, p-value < 0.001)) การรับรู้โอกาสเสี่ยง (r=0.212, p-value < 0.001) และการรับข้อมูลจากบุคลากรสาธารณสุข (r=0.138, p-value < 0.001) ในขณะที่ความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองมีความสัมพันธ์ทางลบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (r= -0.109, p-value =0.035)
เอกสารอ้างอิง
World Stroke Organization. Up again after stroke. Retrieved January 16, 2009, [online]. [cited 2024 May 15]. Available from: https://www.world-stroke.org/assets/downloads/Annual_Report_2017_online.pdf
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. E6รายงานประจำปี 2563. [ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://anyflip.com/txugp/bhlr
สำนักข่าว Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ. สธ.เผยปี 67 อัตราเสียชีวิตโรคหลอดเลือดในสมอง.[ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 25 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hfocus.org/content/ 2024/07/31149
สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. กรมควบคุมโรค รณรงค์วันโรคหลอดเลือดสมองโลก หรือวันอัมพาตโลก 2565 เน้นสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมองให้กับประชาชน.[ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก:https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news= 29284&deptcode=
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศูนย์ข้อมูลสุขภาพ (HDC). กลุ่มรายงานมาตรฐาน การป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ.[ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก:https://aya.hdc.moph.go.th/hdc/reports/page.php?cat_id=6a1fdf282fd28180eed7d1cfe0155e11
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศูนย์ข้อมูลสุขภาพ (HDC). กลุ่มรายงานมาตรฐาน การป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ.[ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก:https://aya.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php?&cat_id=6a1fdf282fd28180eed7d1cfe0155e11&id=e46c73b57c9eeb2f07759a9e9bc50fb3
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement 1970; 30(3), 607–610
สายสุนี เจริญศิลป์. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ (วิทยานิพนธ์ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต). พิษณุโลก:มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2564.
Bloom, Benjamin S.,et al. Hand book on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. New York: Mc Graw-Hill Book Company; 1971
Best, J. Research in education. New Jersey: Prentice Hall; 1977
ปรารถนา วัชรานุรักษ์, และอัจฉรา กลับกลาย. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง จังหวัดสงขลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาล และการสาธารณสุขภาคใต้ 2560; 4(1), 217-233.
บุษราคัม อินเต็ง, และสุพัฒนา คำสอน. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเมืองเก่า จังหวัดพิจิตร. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย 2562; 19(1), 122-134.
รัตนะ บัวสนธ์. การประเมินผลโครงการและการวิจัยเชิงประเมิน. กรุงเทพฯ :ต้นอ้อ แกรมมี่; 2540
ปัทมา สุวรรณกุล. สถิติประยุกต์ สำหรับงานวิจัยด้านสาธารณสุข. พิษณุโลก :มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2567
ศิราณีย์ อินธรหนองไผ่, วีณา จำเริญบุญ, จิราภรณ์ ฉัตรศุภกุล, และธัญชนก กองทอง. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูง อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย 2561; 14(1), 573-582.
กฤษฎา จอดนอก, และณิตชาธร ภาโนมัย. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโรงพยาบาลบึงกาฬ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ. วารสารสมาคมประสาทวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2563; 13(2), 38-55.
เมตตา สุริยะ. การพัฒนาระบบการดูแลกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลท่าคันโทอำเภอ ท่าคันโทจังหวัดกาฬสิน. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ 2566; 16(3), 141-155
ดวงธิดา โสดาพรม. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยง เขตเทศบาลเมืองอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก (วิทยานิพนธ์ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2563
ณิชาภัทร วัดบุญเลี้ยง. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ (วิทยานิพนธ์ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต). พิษณุโลก:มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2561
ศุภณัฐกรณ์ มูลฟู. ผลของโปรแกรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีความเชื่อด้านสุขภาพ ในพื้นที่อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง. วารสารโรงพยาบาลสิงห์บุรี 2566; 31 (1) (2022): 68-78
จุลลดา เหมโส. ความรอบรู้ด้านสุขภาพที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อม และสุขภาพชุมชน 2567; 9(1), 144-152
กัญจน์ณิชา เรืองชัยทวีสุข อภิญญา วงศ์พิริยโยธา และนริษสา วงศ์พนารักษ์. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย 2564; 14 (1) (2021): 213-225
Janz, N. K., & Becker, M. H. Thehealthbeliefmodel: Adecadelater. Health Education Quarterly 1984; 11(1), 1-47.
นนทรี สัจจาธรรม. ความรอบรู้ทางสุขภาพเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองและพฤติกรรมการป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดอัมพฤกษ์ ของบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา จังหวัดนนทบุรี. [ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 25 พฤษภาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://research.rpu.ac.th/
Maiman, L. A., & Becker, M. H. The health belief model: Origins and correlates in psychological theory. Health Education Monographs 1974; 2(4), 336-353.
Pender, N. J. Health promotion in nursing practice (3rd ed.). Stamford, Conn:Appleton & Lange; 1966
Hochbaum G: Public Participation in Medical Screening Programs: A Sociopsychological Stuay. Public Health Serv Publ, No. 572; 1958 [ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 25 พฤษภาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://books.google.co.th/ books?id=7O44ljhQkrsC&printsec=frontcover&hl=th&source=gbs_ge_summary_r&cad=0#v=onepage&q&f=false
Supawong T, Phuphaibul R. Knowledge and preventive behaviors regarding stroke among older adults in rural communities. J Gerontol Nurs. 2020;46(5):45–52. doi:10.3928/00989134-20200414-02
Becker, M. H. The health belief model and personal health behavior. Health Education Monographs 1974; 2(4), 324-508.
Ajzen I. The theory of planned behavior. Organ Behav Hum Decis Process. 1991;50(2):179–211.
Bandura A. Health promotion by social cognitive means. Health Educ Behav. 2004;31(2):143–64.
Ross, L. An exploration of the relationships between health promoting behaviors and stroke in african americans. Retrieved December 11, 2013[Online]. [cited 2024 May 15]. Available from http://searchproquest.Com/ip
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมล้านนา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution 4.0 International License.