ผลของการใช้กระบวนการดูแลตนเองด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตของผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ในคลินิกส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่

ผู้แต่ง

  • มยุรีย์ อิทธิภูวดล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่
  • อาทิตยา ขัดพูน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่
  • รัชนีกร แก้วใส โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่
  • ทักษ์ดนัย ลิ้มวิลัย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่
  • วิทยา บุญยศ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่

คำสำคัญ:

การดูแลตนเอง, เวชศาสตร์วิถีชีวิต, โรคความดันโลหิตสูง

บทคัดย่อ

โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในระดับโลกและระดับประเทศ เป็นสาเหตุของการเกิดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง แบบสองกลุ่มเปรียบเทียบก่อนหลังและเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม เพื่อศึกษาผลของการใช้กระบวนการดูแลตนเองด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในคลินิกส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ มีจุดประสงค์เฉพาะเพื่อเปรียบเทียบระดับความดันโลหิต ค่าดัชนีมวลกาย เส้นรอบเอว ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงกลุ่มวัยทำงาน ก่อนและหลังได้รับกระบวนการดูแลตนเองด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต ภายในกลุ่มทดลอง และหลังการทดลองระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ดำเนินการเดือนมกราคม - สิงหาคม 2567 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เป็นกลุ่มวัยทำงาน มีอายุระหว่าง 18 - 59 ปี และได้รับการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงทั้งที่เป็นโรคหลักหรือโรคร่วม โดยขึ้นทะเบียนรับการรักษาที่คลินิกส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ จำนวน 153 คน ขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้โปรแกรม G * power ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง รวม 76 คน แบ่งเป็นกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลอง กลุ่มละ 38 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ Systematic sampling โดยการแบ่งวันคู่และวันคี่ สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เต็มใจให้ความร่วมมือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย กลุ่มทดลองสัมภาษณ์โดยใช้แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพเวชศาสตร์วิถีชีวิต, แบบประเมิน STOP-BANG Questionnaire ประเมินผลลัพธ์การวิจัยก่อนและหลังสัปดาห์ที่ 12 กลุ่มควบคุมได้รับการบริการตามปกติ ข้อมูลถูกวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป ข้อมูลวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา และเปรียบเทียบระดับความดันโลหิต ค่าดัชนีมวลกาย เส้นรอบเอว ใช้สถิติ Mann-Whitney U-Test เปรียบเทียบภายในกลุ่มทดลอง และสถิติ Wilcoxon Signed-Ranks Test เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

 ผลการวิจัย พบว่าภายหลังการได้รับกระบวนการดูแลตนเองด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต หลังสัปดาห์ที่ 12 กลุ่มทดลองมีระดับความดันโลหิต ค่าดัชนีมวลกาย และเส้นรอบเอวต่ำกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม พบว่าระดับความดันโลหิต ของกลุ่มทดลองต่ำกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนระดับดัชนีมวลกายและ เส้นรอบเอวไม่มีความแตกต่างกัน

References

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2562).แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ. 2562. เชียงใหม่: ทริค ธิงค์.

World Health Organization. Hypertension. [Internet]. 2020. [cited 12 Dec 2566]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/ detail/hypertension#:~:text=Modifiable%20risk%20factors%20include%20unhealthy

กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสุข 2565 [อินเทอร์เนต] 2565 [เข้าถึงเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567]. เข้าถึงได้จาก https://spd.moph.go.th/wptacontent/uploads/2023/11/Hstatistic65.pdf

ระบบรายงานข้อมูลสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่.รายงานเปรียบเทียบตัวชี้วัดสำคัญ.2567[อินเทอร์เนต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ9 มกราคม 2567]. เข้าถึงได้ https://smart-ncd.chiangmaihealth. go.th/web/index.php?r=report%2Fgroup

Orem, D. E. (1995). Nursing: Concept of practice. Norway: Mosby; 1995.

พรเทพ ศิริวนารังสรรค์และ ภูดิท เตชาติวัฒน์. เวชศาสตร์วิถีชีวิต:เวชปฏิบัติแนวใหม่แบบสหวิชาชีพเพื่อการขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทยสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน. วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย 2565;1(4):456-63.

ภูดิท เตชาติวัฒน์. เวชศาสตร์วิถีชีวิต: หลักการ แนวคิด และบทบาทของทีมสหวิชาชีพ. ในเอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการระยะสั้นด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตสำหรับสหสาขาวิชาชีพ; Pre-conference “Workshop on Lifestyle Medicine for Multi-disciplinary team” 18-22 กันยายน 2567;กรุงเทพมหานคร.

นพาภรณ์ จันทร์ศรี, กนกพร นทีธนสมบัติ, และ ทวีศักดิ์ กสิผล. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ 2563; 6(2): 58-68.

Ozemek C, Tiwari SC, Sabbahi A, et al. Impact of Therapeutic Lifestyle Changes in Resistant Hypertension. Prog Cardiovasc Dis. 2020;63(1):4–9.

สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล. บัญชีตัวชี้วัดเปรียบเทียบระบบสารสนเทศเปรียบเทียบวัดระดับคุณภาพโรงพยาบาล (Thailand Hospital Indicator Program: THIP) [อินเทอร์เนต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก https://data.ha.or.th/ dataset/29f685ff-3684-43f1-8287-38df45d10330/resource/b20e4894-9c04-481a-b9e0-8c4f74559ca5/download/01_0302.pdf

Wani, et al. Lifestyle in hypertension. Behavioral Interventions in Hypertension: A Lifestyle Medicine Approach. Indian Journal of Public Health 2023;67:35-40.

Fadi J. Charchara,b,c, Priscilla R. Prestesa , Charlotte Millsd , Siew Mooi Chinge,f, Dinesh Neupaneg , Francine Z. Marquesh,i, et al. Lifestyle management of hypertension: International Society of Hypertension position paper endorsed by the World Hypertension League and European Society of Hypertension. Journal of Hypertension 2024, 42;23–49.

ศิริลักษณ์ ช่วงมี. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อความรู้ พฤติกรรมและระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้ เขตพื้นที่โรงพยาบาลสทิงพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อม 2565;36:85-10

Downloads

เผยแพร่แล้ว

01/11/2025

How to Cite

อิทธิภูวดล ม., ขัดพูน อ., แก้วใส ร. ., ลิ้มวิลัย ท. ., & บุญยศ ว. . (2025). ผลของการใช้กระบวนการดูแลตนเองด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตของผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ในคลินิกส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมล้านนา, 15(1), 56–70. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/lannaHealth/article/view/275472