การเรียนรู้ในสถานการณ์จำลองทางคลินิก ของนักศึกษาพยาบาล ช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
คำสำคัญ:
ความพึงพอใจ, ความมั่นใจ, นักศึกษาพยาบาล, สถานการณ์จำลองทางคลินิก, การปฏิบัติในหอผู้ป่วยบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับและเปรียบเทียบความพึงพอใจและความมั่นใจในตนเองระหว่างการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในหอผู้ป่วยจริงกับการเรียนการสอนในสถานการณ์จำลองทางคลินิกของนักศึกษาพยาบาล ช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประชากรเลือกแบบเจาะจง เป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตร์บัณฑิตชั้นปีที่ 3 ทั้งสิ้น 98 คน เป็นกลุ่มฝึกปฏิบัติในหอผู้ป่วยจริงจำนวน 61 คนโดยฝึกตามปกติช่วงที่ไม่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และกลุ่มฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองทางคลินิก จำนวน 37 คนโดยฝึกในช่วงการระบาดหนักของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระยะเวลาการฝึก 4 สัปดาห์ ทั้งสองกลุ่ม เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย1) แผนการสอนภาคปฏิบัติรายวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ1 สำหรับภาคปฏิบัติในหอผู้ป่วยจริงและแผนการสอนภาคปฏิบัติในสถานการณ์จำลองทางคลินิก 2) แบบประเมินความพึงพอใจและความมั่นใจในตนเองมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.86, 0.90 ตามลำดับเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่าง เดือนกุมภาพันธุ์ ถึงเดือนเมษายน 2564 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระต่อกัน
ผลการวิจัยพบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนความพึงพอใจในการเรียนรู้ทั้ง2รูปแบบอยู่ในระดับมากและไม่แตกต่างกัน (t = -.483, Sig = .630) โดยรูปแบบการฝึกแบบสถานการณ์จริงบนหอผู้ป่วยมีค่าเฉลี่ยคะแนนความพึงพอใจในการเรียนรู้มากกว่าสถานการณ์จำลองทางคลินิก(M= 3.64, SD= 1.00 และ M= 3.60, SD= .99) และค่าเฉลี่ยคะแนนความมั่นใจในตนเองต่อการเรียนรู้ทั้ง2รูปแบบอยู่ในระดับมากและไม่แตกต่างกัน (t = -.733, Sig = .466) โดยรูปแบบการฝึกแบบสถานการณ์จริงในหอผู้ป่วยมีค่าเฉลี่ยคะแนนความมั่นใจในตนเองต่อการเรียนรู้มากกว่าสถานการณ์จำลองทางคลินิก (M= 3.66, SD= .92 และ M= 3.61, SD=.92)
ข้อเสนอแนะ: การเรียนการสอนในสถานการณ์จำลองทางคลินิกเป็นกลยุทธ์การสอนรูปแบบหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดความพึงพอใจและความมั่นใจในตนเองของนักศึกษาพยาบาลได้ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
References
Chaleoykitti, S., Artsanthia, J., & Daodee, S. (2020). The Effect of COVID-19 Disease: Teaching and Learning in Nursing. Journal of Health and Nursing Research, 36(2), 255-262. (in Thai).
Chubkhuntod, P., Thasanoh Elter, P., N Gaewgoontol, N, & Potchana, R. (2020). Effects of Simulation Based Learning Model on Knowledge, Self-Efficacy and Abilities of Applying Nursing Process Skills during Intra-partum Care of Nursing Students. Journal of Health Science 29 (6). 1062-1072. (in Thai).
Daley, K., & Campbell, S. H. (2018). Framework for Simulation Learning in Nursing Education. In S. H. Campbell & K. Daley (Eds.), Simulation Scenarios for Nursing Educators: Making it real (3rd ed., pp. 13-18). New York, N.Y.: Springer Publishing Company, Inc.
Higher Education Qualifications Standards. (2022). Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. (in Thai)
Jamjang, S., et al., (2017). Effects of Using Simulation-Based Learning for Preparation of Nursing Practicum on Perceptions of Self Efficacy in Performing Nursing Care in a Hospital. NJPH .27(Special Edition).46-58. (in Thai).
Jeffries, P.R., & Rizzolo, M.A. (2006). Designing and Implementing Models for the Innovative Use of Simulation to Teach Nursing Care of Ill Adults and Children: A National, Multi-Site, Multi-Method Study. National League for Nursing and Laerdal Medical, New York.
Jeffries PR (ed.) (2016). The NLN Jeffries simulation theory. Philadelphia: Wolters Kluwer
Jeffries, P.R., & Rogers, K.J. (2012). Theoretical framework for simulation design. In P.R. Jeffries (Ed.), Simulation in nursing education from conceptualization to evaluation (2nd ed.) (pp. 25-42). New York, NY: National League for Nursing.
Khumsuk,W., & Nillapun,M.,(2021). Simulation-Based Learning. Journal of Council of Community Public Health. 3(1), 1-11. (in Thai).
Kolb, A. Y., & Kolb, D. A. (2006). Learning styles and learning spaces: A review of the multidisciplinary application of experiential learning theory in higher education. Learning styles and learning: A key to meeting the accountability demands in education (pp. 45–92). New York: Nova Science Publishers.
Musikthong, J., Puwarawuttipanit, W., & Udomphanthurak, J., (2017). Learning Experiences from Clinical Practice in Medical Units and Perceived Self-Development of Nursing Students in a Bachelor of Nursing Program. Nursing Journal of the Ministry of Public Health. 27(2). 181-197. (in Thai).
PartinJL,(2011) PayneTA,SlemmonsMF.Students’perceptions of their learning experiences using high-fidelity simulation to teach concepts relative to obstetrics.Nurs Educ Perspect. 32(3):186-8
Sinthuchai, S. & Ubolwan, K. (2017). Fidelity Simulation Based Learning: Implementation to Learning and Teaching Management. Journal of The Royal Thai Army Nurses .18(1). 29-38. (in Thai).
Sinthuchai, S., Ubolwan, K. & Boonsin, S. (2017).Effects of High-Fidelity Simulation Based Learning on Knowledge, Satisfaction, and Self-Confidence among the Fourth Year Nursing Students in Comprehensive Nursing Care Practicum. Rama Nurs J .23(1). 113-127. (in Thai).
Srisatitnarakul, B. (2010). Nursing Research Methodology (5th ed.). Bandkok: You and I Intermedia, Ltd. (In Thai).
Thonghattha, M., (2021).The Situation of Online Learning Management during the COVID-19 Pandemic of Foreign Languages Department Teachers at Pakphanang School in Nakhon Si Thammmarat Province. Journal of Lawasri, 5(1), 43–51. (inThai).
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครลำปาง
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือก่อนเท่านั้น
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
อนึ่ง ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความนั้นๆ ไม่ถือเป็นความเห็นของวารสารฯ และวารสารฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับข้อความและข้อคิดเห็นใดๆ ของผู้เขียน วารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาตีพิมพ์ตามความเหมาะสม รวมทั้งการตรวจทานแก้ไขหรือขัดเกลาภาษาให้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด