ถอดบทเรียน: กระบวนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองกับหุ่นเสมือนจริงระดับสูง วิชาการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 2
คำสำคัญ:
การถอดบทเรียน, สถานการณ์จำลอง, หุ่นเสมือนจริงระดับสูง, วิชาการพยาบาลมารดาทารกและการผดุงครรภ์ 2บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงคุณภาพมีวัตถุประสงค์เพื่อถอดบทเรียน: กระบวนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองกับหุ่นเสมือนจริงระดับสูง วิชาการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 2 โดยการถอดบทเรียนภายหลังจัดการเรียนการสอน ในกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก 2 กลุ่ม ใช้สถานการณ์จำลองกับหุ่นเสมือนจริงระดับสูง จำนวน 6 คน และนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 4 จำนวน 30 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า ขั้นเตรียมการ: มีการเตรียมสถานการณ์จำลองโดยปรับสถานการณ์จำลองเดิมแล้วสร้างสถานการณ์จำลองใหม่ 3 สถานการณ์ ขั้นกระบวนการดำเนินการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองกับหุ่นเสมือนจริงระดับสูง 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นแนะนำ 2) ขั้นดำเนินการตามสถานการณ์ 3) ขั้นสรุปการเรียนรู้ ใช้บันทึกวิดีโอในการสะท้อน ผลลัพธ์ของการเรียนรู้ พบว่า มีความรับผิดชอบ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ ทำงานเป็นทีม สามารถคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจแก้ไขปัญหาและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพในบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุก ตื่นเต้น ไม่เกิดความกดดันเนื่องจากไม่มีการประเมินผลในรูปแบบการของให้คะแนน มองเห็นภาพชัดเจน จดจำได้ง่ายเมื่อเข้าสู่บทเรียนภาคทฤษฎี เกิดความมั่นใจสามารถปฏิบัติการพยาบาลได้เมื่อเผชิญสถานการณ์จริง ด้านผู้สอนได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะการเขียนโจทย์สถานการณ์จำลองที่มีความเชื่อมโยงและซับซ้อนในหลายระบบ มีการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ ทักษะปฏิบัติและหลักการสะท้อนผลให้แก่ผู้เรียนรวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะในการใช้หุ่นจำลองเสมือนจริงอย่างต่อเนื่อง
ข้อเสนอแนะ ควรมีการพัฒนาและดำเนินการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองกับหุ่นเสมือนจริงระดับสูง วิชาการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 2 ในผู้เรียนรุ่นต่อๆไป
References
Boonmak,P.& Boonmak,S. (2013). Medical Simulation the Way to Improve Patient Care.
Srinagarind Medicine Journal,25(suppl):80-85.
Cant,r.P& Cooper,SJ. (2010) .Simulation-Based Learning in Nurse Education:Systematic
Review.Journal of Advanced Nursing,66(1):3-15.
Chaleoykitti S., Kamprow P., Promdet S. (2014). Patient Safety and Quality of Nursing Service.
Journal of The Royal Thai Army Nurses; 15(2):66-70. (in Thai)
Cordeau, M.A. (2013). Teaching holistic nursing using clinical simulation: A pedagogical
essay. Journal of Nursing Education and Practice, 3(4), 40-50.
Gibbs, G. (1988). Learning by Doing: A guide to teaching and learning methods. Further
Education Unit. Oxford Polytechnic: Oxford.
Kaewsaeng-on,W.,Kuntabunlang,Y.& Palasuk.,R.,(2017).The Opinion of Nursing Students of High-
Fidelity Simulation-Based Leaning .The 1st National conference research and
innovation knowledge transformation towards Thailand 4.0. 7-8 December Proceeding.
Kanhadilpok, S., & Punsommreung, T. (2016). Simulation based learning: design for nursing
education. Journal of Nursing and Education, 9(2), 169-176. (in Thai)
Khalaila, R. (2014). Simulation in Nursing Education : an Evaluation of Students’ Outcomes at
Their First Clinical Practice Combined with Simulations.Nurse Education Today;
:252-258.
Khamkong M, Licharoen P,Aramrom Y, Chitwiboon A. (2016).The effect of using simulation on
self- confidence in care and advanced resuscitation for critical-emergency patients
of nursing students. Journal of Nursing College Network and Southern Public Health;
(3):52-64. (in Thai)
Khemmani, T. (2017). Teaching Science: Knowledge for Effective Learning Process Management
(21st ed.). Bangkok: Chulalongkorn University. (in Thai)
Kolb, A.Y., & Kolb, D.A. (2005). Learning styles and learning spaces: enhancing experiential
learning in higher education. Academy of Management Learning & Education, 4, 193-212.
Lertbunnaphong, T. (2015). Simulation based medical education. Siriraj Medical Bulletin, 8(1),
-46. (in Thai)
Lewis, R., Strachan, A. & Smith, M. M. (2012). Is high fidelity simulation the most effective
method for the development of non-technical skills in nursing? a review of the
current evidence. The Open Nursing Journal, 6, 82-89.
Marie,N.B., Kathei,A.,David N.B. & Jonathan,B.V. (2006). The use of Human Patient Simulators
Best Practices with Novice Nursing Students, Nurse Educator;31(4):170-174.
Norkaeo, D., (2015). Simulation based learning for nursing education. Journal of Boromarajonani
College of Nursing, Bangkok, 31(3 ), 112-122. (in Thai)
O’Donnell, JM., Decker, S., Howard, V., Levett Jones, T., & Miller, CW. (2014). NLN/Jeffries
simulation framework state of science project: Simulation learning outcomes. Clinical
Simulation in Nursing, 10(7), 373- 382.
Office of Higher Education Commission.(2018). Standard Criteria for Higher Education
Curriculum, 2015 and Related Standards.Bankok: Wongsawang Publishing and Printing. (in Thai)
Panich,W. (2012). How does learning occur? How to 8 Mastery Learning[Internet). Retrieved
(2016,May 3) from: http://www.gotoknow.org / posts / 519648.2012. (in Thai)
Pasquale, S.J. (2013). Education and Learning Theory. In A.I. Levine et al.
(Eds.), The Comprehensive Textbook of Healthcare Simulation, (pp. 51-55).
Retrieved from doi: 10.1007/978-1-4614-5993-4_3, © Springer Science + Business
Media New York.
Phrampus, P.E., & O’Donnell, J.M. (2013). Debriefing using a structured and supported
approach. In A.I. Levine et al. (Eds.), The Comprehensive Textbook of Healthcare
Simulation, (pp. 73-84). doi: 10.1007/978-1-4614-5993-4_6, ©Springer Science +
Business Media New York.
Rourke.,L, Schmidt,M., & Garga N.,(2010) Theory-Based Research of High Fidelity Simulation Use
in Nursing Education: A Review of the Literature Retrieved from From The journal
International Journal of Nursing Education Scholarship .https://doi.org/10.2202/1548-
X.1965
Sinthuchai S,Ubolwan K, Boonsin S. (2016). Effect of high fidelity simulation based learning on
knowledge satisfaction and self-confidence among the fourth year nursing
students in comprehensive nursing care practicum.(research paper).
Boromarajonani College of Nursing, Saraburi,.71 p. (in Thai)
Sinthuchai S, Ubolwan K,Boonsin S. (2017). Effect of high fidelity simulation based learning on
knowledge,satisfaction, and self-confidence among the fourth year nursing students
in comprehensive nursing care practicum. Ramathibodi Nursing Journal; 23(1):113-127. (in Thai)
Steinwachs, B. (1992). How to facilitate a debriefing. Simulation & Gaming, 23(2), 186-195.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 วารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือก่อนเท่านั้น
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
อนึ่ง ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความนั้นๆ ไม่ถือเป็นความเห็นของวารสารฯ และวารสารฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับข้อความและข้อคิดเห็นใดๆ ของผู้เขียน วารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาตีพิมพ์ตามความเหมาะสม รวมทั้งการตรวจทานแก้ไขหรือขัดเกลาภาษาให้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด