ระดับปริมาณรังสีดูดกลืนเฉลี่ยที่ต่อมน้ำนมจากการเอกซเรย์เต้านม ในโรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
แมมโมแกรม , ปริมาณรังสีเฉลี่ยที่ต่อมน้ำนม , มะเร็งเต้านม , เครื่องเอกซเรย์เต้านมระบบดิจิตอล , เครื่องเอกซเรย์เต้านมระบบดิจิตอล 3 มิติบทคัดย่อ
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านม เป็นบทบาทสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตในสตรี แต่การได้รับรังสีเอกซ์จากการตรวจอาจส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อเต้านม จึงมีความจำเป็นต้องประเมินค่าปริมาณรังสีเฉลี่ยที่ต่อมน้ำนม (Mean Glandular Dose: MGD) เพื่อยืนยันความปลอดภัยในการตรวจ และเปรียบเทียบกับมาตรฐานระดับประเทศ การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมิน และเปรียบเทียบค่า MGD จากการตรวจแมมโมแกรมแบบ 2 มิติ (Full-Field Digital Mammography: FFDM) และแบบ 3 มิติ (Digital Breast Tomosynthesis: DBT) โดยใช้เครื่องยี่ห้อ Hologic รุ่น Selenia Dimensions ซึ่งมีการใช้ grid ในการถ่ายภาพ การศึกษาเก็บข้อมูลเทคนิคการถ่ายภาพจากเครื่องเอกซเรย์เต้านม ผู้ป่วยหญิงอายุ 40– 60 ปี จำนวน 100 ราย 400 เทคนิคภาพถ่าย คำนวณค่า MGD ตามแนวทางมาตรฐานสากล ผลการศึกษา พบว่า ค่า MGD ของ FFDM อยู่ในช่วง 1.72–1.78 mGy และ DBT อยู่ในช่วง 1.75–1.82 mGy แม้ DBT จะมีค่า MGD สูงกว่าเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ปลอดภัยตามแนวทางของค่าปริมาณรังสีอ้างอิงระดับประเทศ (National DRLs) ปี พ.ศ.2566 ซึ่งกำหนดไม่เกิน 2.5 mGy นอกจากนี้ DBT ยังให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่าและลดการตรวจซ้ำ สรุปได้ว่า DBT เป็นเทคนิคที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาผลกระทบระยะยาวเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาวิธีการตรวจที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
International Atomic Energy Agency. Dosimetry in diagnostic radiology: an international code of practice [Internet]. [cited 2024 February 21]. Available from: https://www.iaea.org/publications/7638/dosimetry-in-diagnostic-radiology-an-international-code-of-practice.
งานทะเบียนโรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. สถิติโรคมะเร็ง โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี ปี พ.ศ. 2565 [อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 2 มีนาคม 2568]. แหล่งข้อมูล: https://anyflip.com/dmxje/xlnh/
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
ค่าปริมาณรังสีอ้างอิงในการถ่ายภาพรังสีวินิจฉัยทางการแพทย์ของประเทศไทย 2564. พิมพ์ครั้งที่ 1.นนทบุรี: สำนักพิมพ์ บริษัท บียอนด์ พับลิสซิ่งจำกัด; 2564.
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. มาตรฐานคุณภาพเครื่องเอกซเรย์วินิจฉัย. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: บริษัท บียอนด์ พับสิสชิ่ง จำกัด; 2566.
Vano E, Miller DL, Martin CJ, Rehani MM, Kang K, Rosenstein M, et al. ICRP Publication 135: Diagnostic Reference Levels in Medical Imaging. Annals of the ICRP. 2017; 46(1):1-144.
Sechopoulos I, Dance DR, Boone JM, Bosmans HT, Caballo M, Diaz O, et al. Joint AAPM Task Group 282/EFOMP Working Group Report: Breast dosimetry for standard and contrast-enhanced mammography and breast tomosynthesis. Medical Physics 2023; 50(12), 712-39.
International Commission on Radiological Protection. ICRP Publication 102: Radiological protection in cardiology. Ann ICRP 2005;35(2):1–80.
European Commission. European Guidelines on Quality Assurance in Breast Cancer Screening and Diagnosis [Internet]. [cited 2024 February 25]. Available from: https://ec.europa.eu/health/ph_projects/2002/cancer/fp_cancer_2002_ext_guid_01.pdf.
Skaane P, Bandos AI, Gullien R, Eben EB, Ekseth U, Haakenaasen U, et al. Comparison of digital mammography alone and digital mammography plus tomosynthesis in a population-based screening program. Radiology 2013;267(1):47–56.
อนงค์ สิงกาวงไซย์. การวัดปริมาณรังสีเฉลี่ยที่ต่อมน้ำนมจากการเอกซเรย์เต้านมในโรงพยาบาลเขตภาคกลางของประเทศไทย. วารสารกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ 2559;58(1): 33–8.
Vedantham S, Karellas A, Vijayaraghavan GR, Kopans DB. Digital breast tomosynthesis: state of the art. Radiology 2015;277(3):663–84.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอกเพื่อการพัฒนางานด้านวิชาการ แต่ต้องได้รับการอ้างอิงที่ถูกต้องเหมาะสม