รูปแบบการออกกำลังกายที่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดในผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2
คำสำคัญ:
การออกกำลังกาย, เบาหวานชนิดที่ 2, ผู้สูงอายุบทคัดย่อ
การออกกำลังกายมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวาน โดยช่วยเพิ่มความไวของอินซูลิน ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม รูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น เดินเร็วหรือว่ายน้ำ การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการฝึกเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและสมดุล ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา ได้แก่ ระดับของโรคเบาหวาน สมรรถภาพร่างกาย และความปลอดภัยของผู้สูงอายุ นอกจากนี้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังช่วยลดระดับ HbA1c ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และควบคุมน้ำหนักได้ดี บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการออกกำลังกายที่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดในผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 โดยทำการทบทวนเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูล Google Scholar, ScienceDirect, Scopus, และ ThaiJo โดยคัดเลือกงานวิจัยที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายในผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ศึกษาในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นประเภทงานวิจัยเชิงทดลอง และมีการววัดผลที่เกี่ยวข้อง เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดหรือสมรรถภาพทางกาย คัดเลือกงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจำนวนได้จำนวน 24 เรื่อง การวิเคราะห์ใช้แนวทางการวิเคราะห์มโนทัศน์ของวอกเกอร์และเอแวนท์ (Walker & Avant, 2005) ประกอบด้วย 1) การเลือกแนวคิด 2) ระบุวัตถุประสงค์ 3) ระบุแหล่งข้อมูล 4) กำหนดคุณลักษณะ 5) ระบุเหตุการณ์และผลที่ตามมา ผลการวิเคราะห์พบว่า รูปแบบการออกกำลังกายที่นิยมใช้สำหรับผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค การออกกำลังกายด้วยแรงต้าน และการออกกำลังกายแบบผสมผสานระหว่างการฝึกแบบแอโรบิคและการฝึกด้วยแรงต้าน ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Word Heath Organization. Diabetes 2024 [Internet]. [cited 2024 September 28]. Available from: https://www.who.int/health-topics/diabetes#tab=tab_1
American Diabetes Association. About Diabetes [Internet]. [cited 2024 September 28]. Available from: https://diabetes.org/about-diabetes
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย. รู้จักโรคเบาหวาน พ.ศ. 2567 [อินเตอร์เน็ต]. [ สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2567]. แหล่งข้อมูล: https://www.dmthai.org/new/index.php/sara-khwam-ru/understand-diabetes/understand-diabetes-2
International Diabetes Federation. Diabetes around the world [Internet]. [cited 2024 September 28] Available from: https://diabetesatlas.org/
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. กรมควบคุมโรครณรงค์วันเบาหวานโลก 2566 มุ่งเน้นให้ความรู้ประชาชนถึงความเสี่ยงโรคเบาหวาน และหากตรวจพบก่อนจะลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ พ.ศ.2566 [อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2567]. แหล่งข้อมูล: https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=38403&deptcode=brc&news_views=2606
พิมพ์ใจ อันทานนท์. การลดน้ำหนักโดยไม่ใช้ยา. วารสารเบาหวาน. 2567: 56(2); 10-18.
Diabetes UK. Exercise for Diabetes [Internet]. [cited 2024 September 28]. Available from: https://www.diabetes.org.uk/living-with-diabetes/exercise
Walker LO, & Avant KC. Strategies for theory construction in nursing. 2005 (Vol. 4). Upper Saddle River, NJ: Pearson/Prentice Hall.
Burnet K, Higgins S, Kelsch E, Moore JB, & Stoner L. The effects of manipulation of Frequency, Intensity, Time, and Type (FITT) on exercise adherence: A meta‐analysis. Translational Sports Medicine. 2020;3(3): 222-34.
กาญจนา บัวเนียม, ศิริรัตน์ ปานอุทัย, ทศพร คำผลสิริ. ผลของการออกกำลังกายแบบโนราห์ประยุกต์ต่อระดับไกลโคไซเลทฮีโมโกลบิน ของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2. Nursing Journal CMU 2556; 38(4):50–64.
Chen Y, Qin J, Tao L, et al. Effects of Tai Chi Chuan on Cognitive Function in Adults 60 Years or Older with Type 2 Diabetes and Mild Cognitive Impairment in China: A Randomized Clinical Trial. JAMA Netw Open. 2023;6(4):e237004.
สุภาพร คำสม, แสงทอง ธีระทองคำ, กมลรัตน์ กิตติพิมพานนท์. ผลของโปรแกรมการออกกำลังกายแบบแกว่งแขนต่อระดับน้ำตาลสะสมในเลือดและภาวะโภชนาการในผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในชุมชน. วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไทย 2560;4(2):46–60.
Al Ozairi, E., Alsaeed, D., Al Roudhan, D., Jalali, M., Mashankar, A., Taliping, D., ... & Gray, S. R. The effect of home‐based resistance exercise training in people with type 2 diabetes: A randomized controlled trial. Diabetes/Metabolism Research and Reviews. 2023; 39(7): e3677.
Kobayashi Y, Long J, Dan S, et al. Strength training is more effective than aerobic exercise for improving glycaemic control and body composition in people with normal-weight type 2 diabetes: A randomised controlled trial. Diabetologia. 2023;66(10):1897–907.
Su X, He J, Cui J, Li H, Men J. The effects of aerobic exercise combined with resistance training on inflammatory factors and heart rate variability in middle‐aged and elderly women with type 2 diabetes mellitus. Ann Noninvasive Electrocardiol. 2022;27(6):e12996.
Delevatti RS, Leonel LDS, Rodrigues JGDS, et al. Aerobic exercise in the aquatic environment suppresses the plasma renin activity in individuals with type 2 diabetes: A secondary analysis of a randomized clinical trial. Int J Environ Res Public Health. 2024;21(7):938.
Patel KV, Saha A, Ayers CR, et al. Exercise training, cardiac biomarkers, and cardiorespiratory fitness in type 2 diabetes: the HART-D study. JACC Adv. 2023;2(1):100174.
อัจฉรา แสนไชย, สินจง โปธิบาล, ภารดี นานาศิลป์. ผลของการปฏิบัติสมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กงต่อระดับฮีโมโกลบินเอวันซีในผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2. Nurs J CMU. 2556;38(4):65–80.
Castaneda C, Layne JE, Munoz-Orians L, et al. A randomized controlled trial of resistance exercise training to improve glycemic control in older adults with type 2 diabetes. Diabetes Care. 2002;25(12):2335–41.
Chien YH, Tsai CJ, Wang DC, Chuang PH, Lin HT. Effects of 12-week progressive sandbag exercise training on glycemic control and muscle strength in patients with type 2 diabetes mellitus combined with possible sarcopenia. Int J Environ Res Public Health. 2022;19(22):15009.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอกเพื่อการพัฒนางานด้านวิชาการ แต่ต้องได้รับการอ้างอิงที่ถูกต้องเหมาะสม