ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของนักศึกษาชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงพรรณาแบบภาคตัดขวางครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีเพศชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ปีการศึกษา 2562 ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จำนวน 130 คน สุ่มตัวอย่างแบบลูกโซ่ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาโดยการแจกแจงความถี่ และร้อยละ ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ในระดับปานกลางร้อยละ 58.5 มีทัศนคติในระดับดีร้อยละ 52.3 มีพฤติกรรมการป้องกันในระดับปานกลางร้อยละ 54.3 โดยมีความเข้าใจผิดในเรื่องอาการและการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำหรับทัศนคติเชิงบวก คือ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันเพียงแค่ครั้งเดียวไม่ทำให้ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ร้อยละ 56.9 และเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการซื้อถุงยางอนามัยหรือขอรับถุงยางอนามัยตามสถานบริการสุขภาพเป็นสิ่งที่ไม่น่าอายร้อยละ 46.2 ในส่วนของทัศนคติเชิงลบคือ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้งหรือมีคู่นอนหลายคนเป็นเรื่องปกติร้อยละ 14.6 และเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการใช้ถุงยางอนามัยทำให้มีความสุขในการมีเพศสัมพันธ์ลดลงร้อยละ 12.3 มีพฤติกรรมการป้องกันที่เหมาะสมคือมีการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำร้อยละ 74.3 และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม คือไม่เคยเข้ารับบริการตรวจเลือด และไม่พกถุงยางอนามัยติดตัวเมื่อออกไปสถานบันเทิงหรือสถานที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 51.4 และ 44.3 ตามลำดับ ดังนั้น โรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสุขภาพควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ความรู้ สร้างทัศนคติเชิงบวก การสร้างความตระหนักในเรื่องพฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัย และควรจัดสถานที่เฉพาะหรือจัดสายด่วนออนไลน์ สำหรับให้ข้อมูลและคำปรึกษาในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องให้กับนักศึกษาทุกคน โดยเฉพาะนักศึกษาในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย