ประสิทธิผลของลูกประคบสมุนไพรต่อการลดความปวดประจำเดือน ในนักศึกษาพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษากึ่งทดลอง (Quasi experimental design) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของลูกประคบสมุนไพรต่อความปวดประจำเดือนของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษานักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ ปีการศึกษา 2563 เพศหญิง กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ จากการคำนวณด้วยสูตรเครจซี่และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่าง35คน แต่เนื่องจากปัญหาด้านสรีรวิทยาของกลุ่มตัวอย่าง ทำให้การเก็บข้อมูลได้เพียง 30 คนซึ่งเพียงพอต่ออ้างอิงไปสู่ประชากร เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยการสุ่มอย่างง่ายเป็นกลุ่มควบคุม 15ราย กลุ่มทดลอง 15 ราย (Simple random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวัดความปวด ซึ่งผ่านการหาคุณภาพของเครื่องมือ (Cronbach’s alpha coefficient )ได้ความเที่ยง 0.90 และลูกประคบสมุนไพรซึ่งผลิตโดยนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการพยาบาลและเภสัชกรแล้ว การทดลองแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะก่อนการทดลอง และระยะหลังการทดลอง สถิตที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลความปวด โดยการแจกแจง ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและ หลังการทดลอง โดยใช้ สถิติที (pair t-test) และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างหลังการทดลองในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้ สถิติที (independent t - test)
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการประคบสมุนไพรแก้ปวด มีระดับคะแนนเฉลี่ยความปวดในระยะหลังทดลอง ต่ำกว่าระยะก่อนทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< .05) กลุ่มทดลองที่ได้รับการประคบสมุนไพรที่ได้รับมีระดับคะแนนเฉลี่ยความปวดประจำเดือน ต่ำกว่ากลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับการประคบสมุนไพร อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติ (p< .05)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่พิมพ์ในวารสารสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ถือว่าเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัยและวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง ไม่ใช่ความเห็นของสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง หรือคณะบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน
เอกสารอ้างอิง
Morrow, C.; Naumburg, E.H. Dysmenorrhea. Prim. Care 2009, 36, 19–32
Vlachou, E.; Owens, D.A.; Lavdaniti, M.; Kalemikerakis, J.; Evagelou, E.; Margari, N.; Fasoi, G.; Evangelidou, E.; Govina, O.; Tsartsalis, A.N. Prevalence, wellbeing, and symptoms of dysmenorrhea among university nursing students in Greece. Diseases 2019, 7, 5.
Tangchai K, Tipapant V, Boriboonhirunsarn. Dysmenorrhea in adolescent: Prevalence impact and knowledge of treatment. J M Assoc Thai.2004; 87 (Suppl3): 69-73.
Iacovides, S.; Avidon, I.; Baker, F.C. What we know about primary dysmenorrhea today: A critical review. Hum. Reprod. Upd. 2015, 21, 762–778.
มัลลิกา สุพล , ชนัชชา อุปฮาด.การใช้ยาและความรอบรู้ด้านสุขภาพและยาของประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ.วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพปีที่ 12ฉบับที่3กันยายน –ธันวาคม 2562. VOL.12NO.3Septembre –December2019.
Harel Z. Dysmenorrhea in adolescents. Ann NY Acad Sci 2008;185-195.
Melzack, R., & Wall, D.P. Gate control theory. In R.H. Wilkins & S. S. Rengachary (Eds.), Neurosurgery. New York 1985; McGraw-Hill .
McCaffery, M., Beebe, A., et al. Pain: Clinical manual for nursing practice, Mosby St. Louis, MO;1989.
กชมน อินทร์บัว, กฤติยา แก้วกุล, จรียวัฒน์ กลิ่นมาหอม และขวัญชนก เกณฑ์ขุนทด.
ประสิทธิผลของยาลูกประคบสมุนไพรในการบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ.การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับชาติมหาวิทยาลัยพายัพ ครั้งที่ 9, เชียงใหม่.กรมวิชาการ ;2562.
Sita Pleejan, et al.( 2017).The effect of using herbal compress in promoting elderly physical-mental health in Ban Phaeng Hospital, Ban Phaeng District, Nakhon Phanom Province. [Online], Available: https://www.npm.moph.go.th. (2018, 24 December).(in Thai)
Tussawan Zungkarak, et al. (2013). Effects of Hot Compress, Thigh Muscle Exercise and Homebased Support on Pain Level, Joint Stiffness and Daily Activities in Patients with Primary Osteoarthritis of the Knee. Journal of Public Health Nursing. 25(1), 64-84.(in Thai).
จิราลักษณ์ แก่นแท่น, นิฑากรณ์ ดำรักษ์, ธัญวรัตน์ กิจรัญ และพัชราภรณ์ สังข์พัน. ผลของยาประสะกานพลูและยาธาตุบรรจบในการบรรเทา อาการปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ. การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ มหาวิทยาลัยพายัพ ครั้งที่ 9, เชียงใหม่;2562.
เนตรนภา พรหมมา, และพรพนา สมจิตร. การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นสำหรับการดูแลสุขภาพตนเอง ท่ามกลางผู้สูงวัยในตำบลหนึ่งของจังหวัดพะเยา. วารสารนเรศวรพะเยา 2558;8(2):96-99.
ศุภรัตน์ ผุดวัฒน์, กาญจนา ปานจีน, มนภาส ธรรมโชติ.การสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุด้วยการแพทย์แผนไทย กรณีศึกษาชมรมผู้สูงอายุ บ้านคลองใหญ่ จังหวัดพัทลุง.วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพปีที่ 13 ฉบับที่1 มกราคม - เมษายน 2563.
Chutinan Khantayas and Kanokporn Panyawee. (2017). The Effects of a Thai herbal bag pressed against the patients’ knee on patients with osteoarthritis knee. Primary Health Care Division Journal, 12(4), 43-49. ).(in Thai)
รังสินี เพิ่มพูน . การนำควาร้อนไปใช้ในการลดความเจ็บปวด ระยะที่1 ของการคลอด. วารสารพยาบาลทหารบก 2557; 15:23-7.
Hoffman, B.L.; Schorge, J.O.; Bradshaw, K.D.; Halvorson, L.M.; Schaffer, J.I.; Corton, M.M. Williasms Gynecology, 3rd ed.; Mc Graw Hill Education: New York, NY, USA, 2016.
Zhu X, PoctorM,BensoussanA. Wu E, Smith C A. Chinese herbal medicine for primary dysmenorrhea: Cochrane Database of Sysyemic Reviewa; 2008.