การพัฒนาระบบการบริบาลผู้ป่วย ในคลินิกวาร์ฟารินโรงพยาบาลพะเยา
Main Article Content
บทคัดย่อ
ความเป็นมา
ยาวาร์ฟาริน (Warfarin) เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทานที่มีช่วงในการรักษาที่แคบ
(Narrow Therapeutic Index) ต้องมีการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาวาร์ฟาริน โดยในการรักษาจะพิจารณาจากค่าการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio;INR) และต้องมีระบบการบริบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาวาร์ฟาริน โรงพยาบาลพะเยาได้เริ่มดำเนินการวาร์ฟารินคลินิกอย่างเป็นระบบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 โดยทีมสหสาขาวิชาชีพ การบริบาลผู้ป่วยในคลินิกวาร์ฟารินตั้งแต่ ปี 2556-2559 เป็นแบบให้คำปรึกษาหลังพบแพทย์ ( post counseling ) โดยตรวจสอบขนาดยาวาร์ฟารินกับค่า INR การประเมินภาวะแทรกซ้อนโดยทำเป็นรายบุคคล ต่อมาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาระบบบริบาลโดยความร่วมมือของอาจารย์เภสัชกรมหาวิทยาลัยพะเยาโดยมีการพัฒนาให้คำปรึกษาแบบ pre-post counseling
วัตถุประสงค์
- เพื่อลดการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาในผู้ป่วยที่ใช้ยาวาร์ฟาริน
- เพื่อเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยาวาร์ฟารินของผู้ป่วย
- เพื่อเพิ่ม % INR in target
- เพื่อเพิ่ม % TTR (Time in therapeutic range : ระยะเวลาที่ค่า INR อยู่ในช่วงรักษามีค่าสูงสุด )
วิธีการศึกษา
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองที่มีการกำหนดสิ่งแทรกแซง โดยเก็บข้อมูลแบบไปข้างหน้า
การแทรกแซงที่ใช้ในการศึกษานี้ คือ การให้คำแนะนำการใช้ยาวาร์ฟารินแก่ผู้ป่วยก่อนพบแพทย์ (pre-counseling) การติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากยาวาร์ฟาริน และการดูความร่วมมือของผู้ป่วยในการใช้ยาวาร์ฟาริน โดยประชากรได้รับสิ่งแทรกแซงทุกคน
ผลการศึกษา
ผลตัวชี้วัดเปรียบเทียบก่อนและหลังพัฒนาระบบบริบาล % INR in target เพิ่มขึ้น ภาวะแทรกซ้อนลดลง การให้ความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยลดลง
สรุปและวิจารณ์ผล
ผลจากการพัฒนาระบบบริบาลผู้ป่วย ในคลินิกวาร์ฟารินทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุม INR ของผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยมีความปลอดภัยในการใช้ยาวาร์ฟารินเพิ่มขึ้น ส่วนการให้ความร่วมมือในการใช้ยาที่ลดลงอาจเกิดจากการลงบันทึกข้อมูลในระบบไม่ครบถ้วนทำให้รายงานผลผิดพลาดและไม่มีแนวทางที่ชัดเจน
คำสำคัญ การบริบาลผู้ป่วย ในคลินิกวาร์ฟาริน %TTR %INR pre-counseling
Article Details
References
2. Hirsh, J., Fuster, V., Ansell, J., & Halperin, J. L. (2003). American Heart Association/American College of Cardiology Foundation guide to warfarin therapy.Journal of American College of Cardiology, 41,1633-1652.
3. Klasco RK (Ed) : DRUGDEX ® system (electronic version). Thromson Micromedex, Greenwood village, Colorado, USA. Available at: https:// www.thromsonhc.com (cite: 08/05/2008)
4. Rosendaal FR,Cannegieter SC,van der Meer FJ,Brist E.A method to determine the optimal intensity of oral anticoagulant therapy.Thromb Haemost 1993;69(3):236-9
5. สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์. (2554). แนวทางการรักษาผู้ป่วยด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทาน พ.ศ.2553. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ.
6. ศรีจันทร์ พรจิราศิลป์. (2546). ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด. ใน จุฑามณี สุทธิสีสังข์และรัชนี เมฆมณี (บก.), เภสัชวิทยาเล่ม 1 (หน้า420-429). กรุงเทพฯ: นิวไทยมิตรการพิมพ์.
7. นพ.ธีรพงศ์ โตเจริญโชค,รศ.นพ.ธีรวิทย์ พันธุ์ชัยเพชร.คู่มือการให้ยา Warfarin และ IE prophylaxis ในผู้ป่วยโรคศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก:7
8. สุภารัตน์ วัฒนสมบัติ.ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: Warfarin บทความฟื้นฟูวิชาการสำหรับการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์(on-line).วารสารไทยไภษัชยนิพนธ์ ปีที่5 เดือนกรกฎาคม 2553:87-95