ลักษณะของผู้ป่วยที่มาตรวจปากมดลูกด้วยกล้องขยายในโรงพยาบาลนครพิงค์ ปีงบประมาณ 2546-2549
Main Article Content
บทคัดย่อ
มะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของสตรี ทั้งที่สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็งซึ่งสามารถให้การรักษาได้ผลดีเกือบร้อยล 100
วิธีการตรวจปากมดลูกด้วยกล้องส่องขยายนั้นถือว่าเป็นวิธีการตรวจปากมดลูกวิธีหนึ่ง โดยถ้าใช้ร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี Pap smear นั้นจะได้ความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 95 ถึง 99 ทางโรงพยาบาลนครพิงค์ได้ใช้วิธีการตรวจปากมดลูกด้วยกล้องส่องขยายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 การนำข้อมูลที่ได้บันทึกไว้มาวิเคราะห์จะทำให้เห็นภาพรวมและแนวโน้มของลักษณะของผู้ป่วยที่เข้ามารับการตรวจเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการศึกษาต่อไป
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาลักษณะของผู้ป่วยที่มารับการตรวจปากมดลูกด้วใยกล้องขยายในโรงพยาบาลนครพิงค์และเปรียบเทียบผลการตรวจปากมดลูกด้วยกล้องขยายกับผลทางพยาธิวิทยาของผู้ป่วยในกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวสถานที่ศึกษากลุ่มงานสูติ-นรีเวชกรรม โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่
รูปแบบการศึกษา Comparative descriptive research
วิธีการศึกษา
ศึกษากลุ่มผู้ป่วยที่มารับการตรวจปากมดลูกด้วยกล้องส่องขยาย (Colposcope) ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ โดยรวบรวมข้อมูลทั่วไป ผลการตรวจ
Pap smear ผลการตรวจ VIA และผลการตรวจทางพยาธิวิทยา จากบันทึกเวชระเบียนผู้ป่วยนอก และผลการตรวจปากมดลูกด้วยกล้องส่องขยาย (Colposcpoe) จากแบบบันทึกการตรวจปากมดลูกด้วยกล้องส่องขยาย วิเคราะห์ข้อมูลด้วใยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงวิเคราะห์
ผลการศึกษา ผู้ป่วยที่เข้ามารับการตรวจปากมดลูกด้วยกล้องส่องขยายพบมากที่สุดในช่วงอายุ 41 ถึง 50 ปี ร้อยละ 39.9 จำนวนบุตรมากที่สุด 2 คน ร้อยละ 41 ใช้ยาเม็ดในการคุมกำเนิดมากที่สุด ร้อยละ 28.9 เป็นผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 10.9 ผลการตรวจ Pap smear พบว่าอยู่ในกลุ่ม HSIL มากที่สุดร้อยละ 44.6 ทั้งนี้เป็นการตรวจจากสถานีอนามัยมากที่สุดร้อยละ 33 ผลการตรวจด้วยกล้องส่องขยาย (Colposcopic diagnosis) ในผู้ป่วยที่มี Pap smear ผิดปกติรายงานผลว่าเป็นระยะก่อนมะเร็งมากที่สุด ร้อยละ 71.9 ผลการตรวจทางพยาธิวิทยา (Phatologic diagnosis) ในผู้ป่วยที่มี Pap smear ผิดปกติ รายงานงานผลว่าเป็นระยะก่อนมะเร็งมากที่สุด ร้อยละ 68.5 ผู้ป่วยที่ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA ที่ผลผิดปกติ (VIA positive) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี และเป็นผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอื่นมากที่สุด ร้อยละ 53.8 ผลการตรวจด้วยกล้องส่องขยายในผู้ป่วยที่ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA ผิดปกติ
(VIA positive) พบว่าเป็นระยะก่อนมะเร็งมากที่สุด ร้อยละ 56 ผลการตรวจทางพยาธิวิทยาในผู้ป่วยที่ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA ผิดปกติ (VIA positive) ไม่พบความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง (Benign Lesion) มากที่สุด ร้อยละ 59.7 เมื่อเปรียบเทียบผลการตรวจด้วยกล้องส่องขยายกับผลการตรวจทางพยาธิวิทยา การตรวจด้วยกล้องส่องขยายจะมีความไว (sensitivity) ร้อยละ 97.6 ความแม่นยำ (specificity) ร้อยละ 23.4 ผลบวกคาดหมาย (positive predictive value) ร้อยละ 80.9 ผลลบคาดหมาย (negative predictive value) ร้อยละ 75.0 ข้อยุติ ผู้ป่วยที่มีผล Pap smear ผิดปกติควรได้รับการตรวจด้วยกล้องส่องขยายต่อไป สำหรับผู้ป่วยที่ตรวจด้วยกล้องส่องขยายแล้วไม่พบความผิดปกติ ควรได้รับการตรวจทางพยาธิวิทยาเพิ่มเติม
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาลงพิมพ์ต้องไม่เคยพิมพ์หรือกำลังได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอื่น เนื้อหาในบทความต้องเป็นผลงานของผู้นิพนธ์เอง ไม่ได้ลอกเลียนหรือตัดทอนจากบทความอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้อ้างอิงอย่างเหมาะสม การแก้ไขหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่กองบรรณาธิการ จะต้องเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะได้รับพิจารณาตีพิมพ์ และบทความที่ตีพิมพ์แล้วเป็นสมบัติ ของลำปางเวชสาร
เอกสารอ้างอิง
Deerasamee S, Srivatanakul P, Cervix uteri. In: Deerasamee S, Martin N, Sontipong S, Sriamporn S, Sriplung S, Srivatanakul P, et al., editors. Cancer in Thailand Vol.II, 1992-1994. Lyon: IARC; 1999. p. 56-9.
Ostor AG. Natural history of cervical intraepithelial neoplasia: a critical review. Int J Gynecol Pathol. 1993;12:186-92.
จตุพล ศรีสมบูรณ์. การตรวจปากมดลูกด้วยกล้องขยาย. เชียงใหม่ : กลางเวียงการพิมพ์; 2542.
IARC Working Group on Cervical Cancer Screening. In: Hakama M, Miller AB, Day NE, editors. Summary chapter. Screening for cancer of the uterine cervix. Lyon: IARC Sci Publ, 1986. p. 133-44.
ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์. Cervical cancer screening: Interpretation & situation in Thailand. ใน: ชมรมคอลโปสคป, บรรณาธิการ. Basic principle of colposcopy and management of abnormal cytologic screening. กรุงเทพฯ: คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี; 2546. น. 1-10.
Royal Thai College of Obstetricians and Gynecologists (RTCOG)/JHPIEGO Corporation Cervical Cancer Prevention Group. Safety, acceptability and feasibility of a single-visit approach to cervical cancer prevention in rural Thailand : a demonstration protect. Lancet. 2003;361:814-20.
Burle L, Antonioli DA, Ducatman BS. Colposcopy text and atlas. Norwalk, Connecticut:Appleton & Lange; 1991.
Kahn JA,Hillard PJ. Cervical cytology screening and management of abnormal cytology in adolescent girls. J Pediatr Adolesc Gynecol [Internet]. 2003 [cited 2003 June 6];16(3):167-71. Available from: http://www.sciencedirect.com
Sankaranarayanan R, Shastri SS, Basu P, Mahe C, Mandal R, Amin G. The role of low-level magnification in visual inspection with acetic acid the early detection of cervical neoplasia. INIST-CNRS 2004 [cited 2004];28(5):345-51. Available from: http://cat.inist.fr/?aModel=afficheN&cpsidt=16273422
Elit L, Baigal G, Tan J, Munkhtaivan A. Assessment of 2 cervical screening methods in Mongolia : cervical cytology and visual Inspection with acid. J Low Genit Tract Dis. 2006;10(2):83-8.
Mandelblatt JS, Lawrence FW, Gaffikin L, Limpahayom K, Lumbiganon P, Warakamin S. Costs and benefits of different strategies to screen for cervical cancer in less-developed countries. JNCI [Internet]. 2002 [cited 2002 Oct 2];94(19):1469-83.Available from:http://jnci.oxfordjournals.org/cgi/content/full/94/19/146