จริยธรรมการวิจัย
|
จริยธรรมการตีพิมพ์ผลงาน จริยธรรมการตีพิมพ์บทความในวารสาร ลำปางเวชสาร เป็นวารสารวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขของโรงพยาบาลลำปาง เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่ได้จากการทบทวน วิเคราะห์ สังเคราะห์ และประยุกต์ข้อมูลสารสนเทศ ได้แก่ รายงานการวิจัย รายงานผู้ป่วย และบทความปริทัศน์ที่น่าสนใจ เพื่อสาธารณชนได้ใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น จึงกำหนดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานด้านจริยธรรมในการตีพิมพ์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
|
|
จริยธรรมสำหรับผู้นิพนธ์ 1. บทความที่ผู้นิพนธ์ส่งมาเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ลงวารสารต้องเป็นผลงานที่จัดทำขึ้นใหม่ ไม่เคยพิมพ์หรือกำลังได้รับการพิจารณาตีพิมพ์จากวารสารใดมาก่อน 2. เนื้อหาในบทความต้องเป็นผลงานของผู้นิพนธ์เอง ไม่ได้ลอกเลียนหรือตัดทอนจากบทความอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้อ้างอิงอย่างเหมาะสม 3. การแก้ไขหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่กองบรรณาธิการจะต้องเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะได้รับพิจารณาตีพิมพ์ 4. บทความที่ตีพิมพ์แล้วเป็นสมบัติของลำปางเวชสาร 5. ต้องมีหนังสือลงนามรับรองบทความของผู้นิพนธ์ทุกคน (สามารถดาวน์โหลดได้ในหัวข้อ For Readers) 6. หากผลงานทางวิชาการของผู้นิพนธ์เกี่ยวข้องกับมนุษย์หรือสัตว์ทดลอง ผู้นิพนธ์ควรดำเนินการตามหลักจริยธรรมโดยต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมถึงต้องได้รับความยินยอมก่อนการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลหรือแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น หนังสือยินยอมจากผู้ป่วย หรือ หนังสือรับรองจากคณะ กรรมการจริยธรรมการวิจัยของสถาบันแนบมาด้วยเสมอ 7. ผู้นิพนธ์ต้องเขียนบทความวิจัยให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนด อีกทั้งรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง และต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนการวิจัยอย่างครบถ้วน 8. ต้นฉบับที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ถูกต้อง จะถูกส่งคืนเจ้าของบทความเพื่อแก้ไขก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาบทความ 9. หากพบว่ามีการส่งบทความไปลงวารสารอื่นๆ ซึ่งเป็นการแจ้งข้อมูลรับรองอันเป็นเท็จ บทความที่ขอลงตีพิมพ์ จะถูกถอดถอนออกจากลำปางเวชสารทันที 10. ข้อความที่ปรากฏในบทความและองค์ประกอบทั้งหมดของบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์แต่ผู้เดียว 11. ผู้นิพนธ์ต้องระบุผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างชัดเจน (ถ้ามี) ให้กับบรรณาธิการก่อนที่จะมีการส่งบทความเข้าสู่กระบวนการพิจารณา 12. กรุณาส่งหนังสือรับรองบทความและหนังสือรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาให้ทางกอง บรรณาธิการก่อนทำการ Submit บทความ การเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้นิพนธ์
ผู้นิพนธ์ควรพิจารณารายชื่อและลำดับผู้นิพนธ์อย่างรอบคอบก่อนส่งต้นฉบับ และระบุรายชื่อผู้นิพนธ์อย่างสมบูรณ์ในเวลาที่ส่งต้นฉบับครั้งแรก การเพิ่ม ลบ หรือจัดเรียงลำดับรายชื่อผู้นิพนธ์ใหม่ควรทำก่อนที่ต้นฉบับจะได้รับการตอบรับการตีพิมพ์ และต้องได้รับการอนุมัติจากบรรณาธิการวารสาร โดยบรรณาธิการจะต้องได้รับหลักฐานจากผู้นิพนธ์หลักดังนี้
(ก) เหตุผลในการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้นิพนธ์
(ข) การยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร (อีเมล จดหมาย) จากผู้นิพนธ์ทุกคนว่าเห็นด้วยกับการเพิ่ม ลบ หรือจัดเรียงลำดับใหม่ และรับรองว่าตนเองได้มีส่วนร่วมของผู้นิพนธ์ (Author contributions) โดยให้ระบุบทบาทที่เกี่ยวข้องของผู้มีส่วนร่วมต่อผลงานวิชาการนี้ในส่วนใดบ้าง ได้แก่
1. การกำหนดแนวคิด
2. การจัดการข้อมูล
3. การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นทางการ
4. การได้มาซึ่งเงินทุน
5. การสืบค้นข้อมูล
6. ระเบียบวิธีวิจัย
7. การบริหารโครงการ
8. ทรัพยากร
9. การควบคุมดูแล
10. การตรวจสอบความถูกต้อง
11. การเขียนร่างต้นฉบับเริ่มแรก
12. การเขียนทบทวนและแก้ไขต้นฉบับ
|
|
จริยธรรมสำหรับบรรณาธิการและกองบรรณาธิการ 1. บรรณาธิการและกองบรรณาธิการต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์หรือผู้ทรงคุณวุฒิไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์หรือนำไปอ้างอิงเพื่อเป็นผลงานทางวิชาการของตนเอง 2. บรรณาธิการและกองบรรณาธิการต้องไม่ปิดกั้น หรือ เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลที่ใช้แลกเปลี่ยนระหว่างผู้ทรง คุณวุฒิและผู้นิพนธ์ 3. บรรณาธิการและกองบรรณาธิการต้องปฏิบัติตามกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ของวารสารอย่างเคร่งครัด 4. บรรณาธิการและกองบรรณาธิการมีหน้าที่พิจารณาและตรวจสอบบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาตีพิมพ์กับวารสาร ทุกบทความ โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องของเนื้อหาบทความกับวัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสาร รวมถึงตรวจสอบคุณภาพบทความในกระบวนการประเมินคุณภาพบทความก่อนการตีพิมพ์ 5. บรรณาธิการและกองบรรณาธิการต้องใช้หลักการพิจารณาบทความโดยอิงเหตุผลทางวิชาการเป็นหลัก 6. หากบรรณาธิการตรวจพบการคัดลอกผลงานของผู้อื่น ในกระบวนการประเมินบทความ บรรณาธิการจะหยุดกระบวนการประเมิน และติดต่อผู้นิพนธ์ทันทีเพื่อขอคำชี้แจง เพื่อประกอบการ “ตอบรับ” หรือ “ปฏิเสธ” การตีพิมพ์บทความนั้น |
|
จริยธรรมสำหรับผู้ทรงคุณวุฒิ 1. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ การพิจารณาคุณภาพของบทความต้องคำนึงถึงคุณภาพของ บทความเป็นหลัก และพิจารณาตามหลักการและเหตุผลทางวิชาการโดยปราศจากอคติและความขัดแย้งส่วนตัว 2. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องตระหนักว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาบทความที่รับประเมิน อย่างแท้จริง 3. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์จากบทความที่ตนเองได้ทำการประเมิน 4. หากผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบแล้วพบว่าบทความที่รับประเมินเป็นบทความที่คัดลอกผลงานชิ้นอื่น ๆ (plagiarism) หรือมีเนื้อหาที่อ่อนไหว อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลที่สาม ต้องแจ้งให้บรรณาธิการรับทราบทันทีพร้อมทั้ง แสดงหลักฐานประกอบที่ชัดเจน 5. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องรักษาระยะเวลาประเมินตามกรอบเวลาประเมินที่วารสารกำหนด รวมถึงไม่เปิดเผยข้อมูลของ บทความที่ประเมินให้ผู้อื่นได้รับรู้ |