ปัจจัยที่มีผลต่อการเข้าร่วมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุชุมชนบ้านเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

บทคัดย่อ

จากการดำเนินงานชมรมผู้สูงอายุ พบว่า ผู้สูงอายุมาเข้าร่วมกิจกรรมน้อย คิดเป็นร้อยละ 28.08 และไม่สม่ำเสมอ
เกิดปัญหาสุขภาพ สูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่มขึ้น ผู้ศึกษาต้องการศึกษาปัจจัยและความแตกต่างของปัจจัยที่มีผล
ต่อการเข้าร่วมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมสุขภาพและพัฒนารูปกบบการดำเนินงานในชมรม
ผู้สูงอายุ เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมสุขภาพและพัฒนารูปแบบการดำเนินงานในชมรมผู้สูงอายุ ลดปัยหาสุขภาพและ
ค่าใช้จ่ายในการรักษา โดยศึกษาเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง ในผู้สูงอายุจำนวน 300 ราย ที่อาศัยอยู่ในชุมชนบ้านเสด็จ
อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ที่ได้จากการสุ่มแบบ
หลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ปัจจัยที่มีผลการเข้าร่วมกจิรรมชมรมผู้สูงอายุ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ
ไคสแควร์ การทดสอบค่าเฉลี่ย และการวิเคราะห์การถอถอยโลจิสติคแบบเชิงชั้น
ผลการศึกษา พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 62.0 มีอายุเฉลี่ย 69.2 ปี มีสถานภาพสมรสคู่ ร้อยละ
57.3 พักอาศัยอยู่กับครอบครัวและญาติ ร้อยละ 92.7 เมื่อวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติคแบบเชิงชั้น โดยมีความถูกต้องใน
การจำแนกกลุ่ม สำหรับโมเดลเริ่มต้น เป็นร้อยละ 66.7และมีค่า Log Likelibood ของตัวแบบ เท่ากับ 165.130 พบว่า
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเช้าร่วมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุอย่างมีน้ยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05) คือ สถานภาพสมรสคู่ การมี
ภาระงาน การสนับสนุนรายได้ ระยะเวลาที่ป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุมากกว่า 2 ปี ระยะเวลาที่เป็นโรค 0 - 3 ปี การมี
สัมพันธภาพที่ดีกับประธานชมรม ความสะดวกในการเข้าถึงชมรม การสนับสนุนจากสถานีอนามัย ดังน้น หน่วยงานด้าน
วิชการกาตรหรือบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้องควรมีการดำเนินงานร่วมกับชุมชนเกี่ยวกับการส่งเสริมอาชีพในกลุ่มผู้สูงอายุ
สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกชมรม สนับสนุนด้านการเดินทาง และการดำเนินงานของชมรมผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง