การเลี้ยงดูนักเรียนประถมศึกษาตอนต้น ใครทำให้เสี่ยงต่อฟันผุมากกว่ากัน : พ่อแม่หรือญาติ ?

Main Article Content

ทศพล ยุทธโยธี

บทคัดย่อ

ภูมิหลัง : ฟันผุเป็นปัญหาทันตสาธารณสุขที่สำคัญในเด็กนักเรียนประถมศึกษา ซึ่งยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดีเพียงพอ ต้องอาศัยการเอาใจใส่ของผู้ปกครองเป็นสำคัญ จากการสังเกตทางคลินิกพบว่าเด็กนักเรียนที่ถูกเลี้ยงดูโดยญาติ มักมีอัตราการเกิดฟันผุมากกว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาความแตกต่างของวิธีการเลี้ยงดูระหว่างพ่อแม่และญาติ ผลกระทบที่มีต่อสภาวะฟันผุของนักเรียนประถมศึกษาตอนต้น และปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุในเด็กกลุ่มนี้
วัสดุและวิธีการ : เป็นการศึกษาแบบวิเคราะห์ชนิดตัดขวางในเด็กนักเรียนชั้นป.2 และป.3 โรงเรียนผดุงวิทย์ อ.เมือง จ.ลำปาง จำนวน 200 คน โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่เลี้ยงดูโดยพ่อแม่ 160 คน และโดยญาติ 40 คน ในช่วง ม.ค.-ก.ย. 2551 ตรวจสภาวะช่องปากโดยทันตแพทย์ สอบถามผู้เลี้ยงดูเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป พฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนและเจตคติของผู้ดูแลวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา Fisher’s exact probability test และการวิเคราะห์ logistic regression
ผลการศึกษา : ผู้เลี้ยงดูที่เป็นพ่อแม่ส่วนใหญ่จบชั้นมัธยมศึกษา มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าผู้เลี้ยงดูที่เป็นญาติ ซึ่งส่วนใหญ่จบชั้นประถมศึกษา ลักษณะอาชีพไม่แตกต่างกัน นักเรียนกลุ่มที่เลี้ยงดูโดยพ่อแม่ ส่วนใหญ่มีการดื่มนมทุกวัน (ร้อยละ 72.5) และแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง (ร้อยละ 63.8) กลุ่มที่เลี้ยงดูโดยญาติส่วน
ใหญ่ดื่มนมเป็นบางวัน (ร้อยละ 50) และแปรงฟันวันละ 3 ครั้ง (ร้อยละ 55 ) ทั้ง 2 กลุ่มมีลักษณะการกินขนม ของว่างที่ชอบ และมีสภาวะช่องปากไม่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่มีฟันน้ำนมผุ ถอน อุด 6-10 ซี่ และไม่มีฟันแท้ถอนเลย เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ แล้วไม่พบว่า การเลี้ยงดูโดยญาติ อาชีพ ระดับการศึกษา รายได้ของผู้เลี้ยงดู จำนวนค่าขนมต่อวัน ลักษณะการแปรงฟัน การกินและชนิดของขนมมีผลต่อการเกิดฟันผุของนักเรียนแต่อย่างใด
สรุป : เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นที่เลี้ยงดูโดยพ่อแม่มีทันตสุขภาพไม่แตกต่างจากเด็กนักเรียนที่เลี้ยงดูโดยญาติ ถึงแม้ผู้เลี้ยงดูจะมีระดับการศึกษาและรายได้เฉลี่ยสูงกว่าก็ตาม การป้องกันฟันผุในเด็กวัยนี้ยังคงต้องอาศัยการดูแลจากผู้ปกครองและครูอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ยุทธโยธี . ท. . (2022). การเลี้ยงดูนักเรียนประถมศึกษาตอนต้น ใครทำให้เสี่ยงต่อฟันผุมากกว่ากัน : พ่อแม่หรือญาติ ?. ลำปางเวชสาร, 30(2), 58–66. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/LMJ/article/view/259877
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

Acs G, Lodolini G, Kaminsky S, Cisneros G. Effect of nursing on body weight in pediatric population. Pediatr Dent 1992;14:302-5.

O’Sullivan DM, Tinanoff N. The association of early dental caries patterns in preschool children with caries incidence. J Public Health Dent 1996;56(2):81-3.

งานทันตสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง. สรุปผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพประจำปีงบประมาณ 2550. ลำปาง:สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง; 2550.

ธนัชพร บุญเจริญ, กัลยา อรุณแก้ว. ปัจจัยของมารดาที่มีอิทธิพลต่ออัตราการเกิดโรคฟันผุของบุตรที่โรงพยาบาลแม่และเด็ก เชียงใหม่ พ.ศ.2535. ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพเขต 10 เชียงใหม่, 2535.

วิกุล วิสาลเสสถ์และคณะ. บทบาทของมารดาในการดูแลฟันลูกวัย 0-3 ปี. วิทยาสารทันตสาธารณสุข 2548;10(1-2):31-8.

ทรงวุฒิ ตวงรัตนพันธ์, สุวรรณี ตวงรัตนพันธ์, ภาพิมล ชมพูอินไหว, วริศรา ศิริมหาราช. การแปรงฟันกับการป้องกันฟันผุ.

วิทยาสารทันตสาธารณสุข 2549;11(1-2): 41-8.

วรางคณา อินทโลหิต, สลิตา อุประ, รสสุคนธ์ พานศรี. การศึกษาพฤติกรรมการเลี้ยงดูของผู้ปกครองต่อสภาวะสุขภาพช่องปากเด็กก่อนวัยเรียน. วิทยาสารทันตสาธารณสุข 2545; 7(1-2):31-32.

American Academy of Pediatric Dentistry. Infant oral health. Pediatr Dent 1994;16:29.

Tanzer JM. On changing the cariogenic chemistry of coronal plaque. J Dent Res 1989;68:1576 -87.

Casamassimo PS. Relationships between oral and systemic health. Pediatr Clin North Am 2000;47:1149-57.