กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร ในโรงพยาบาลลำปาง

Main Article Content

ชัชชัย เอกวิทยาเวชนุกูล

บทคัดย่อ

ภูมิหลัง : กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร (GBS) เป็นภาวะที่มีการอักเสบเฉียบพลันของเส้นประสาทหลายเส้นอาจรุนแรงจนพิการและเสียชีวิตได้ ยังไม่เคยมีการศึกษาข้อมูลของกลุ่มอาการนี้ในโรงพยาบาลลำปางมาก่อน
วัตถุประสงค์ : เพื่อหาอุบัติการณ์และปัจจัยที่มีผลต่อความรุนแรงของ GBS ใน รพ.ลำปาง
วัสดุและวิธีการ : เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบตัดขวางในผู้ป่วย GBS อายุ 15 ปีขึ้นไปที่รักษาในรพ.ลำปางตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2551 ถึงกันยายน พ.ศ. 2553 เก็บข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนบันทึกข้อมูลทั่วไป ข้อมูลทางคลินิก ผลตรวจการนำกระแสไฟฟ้าของเส้นประสาทและผลการรักษา วิเคราะห์
ข้อมูลทั่วไปโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา คำนวณ odds ratio (OR) เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก (GBS disability score 3-6) และน้อย (GBS disability score 0-2) ด้วย student t-test, Fisher exact test และ chi-square test
ผลการศึกษา : พบผู้ป่วย GBS 25 ราย (ชาย:หญิง = 14:11) คิดเป็นอุบัติการณ์ต่อปี 5.12 รายต่อแสนประชากร อายุเฉลี่ย 46.2 ± 18.6 ปี ชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือ acute inflammatory demyelinating polyneuropathy (ร้อยละ 60) พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก 15 รายในจำนวนนี้เสียชีวิต 2 ราย ปัจจัยที่มีผลต่อความรุนแรงของโรคคือ มีถ่ายเหลวเป็นภาวะนำก่อนมีอาการ (OR=1.91, 95%CI 1.27–2.87, p = 0.032) และมีภาวะหายใจล้มเหลวเป็นอาการแสดงเริ่มแรก (OR=2.67, 95%CI 1.42–5.02, p = 0.002) กลุ่มที่มีอาการรุนแรงมากเสียค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ (152,103 ± 145,002 บาท vs 8,187 ± 3,030 บาท, p<0.001) โดยมีผู้ป่วย 4 รายที่ต้องให้อิมมูโนโกลบูลินทางหลอดเลือดดำ (IVIg) และอีก 4 รายได้รับการเปลี่ยนถ่ายพลาสมา พบว่ามีค่า GBS disability score ลดลงมากกว่ากลุ่มที่ได้รับการรักษาแบบประคับประคองอย่างมีนัยสำคัญ(p=0.002) แต่อัตราตายไม่แตกต่างกัน กลุ่มที่ได้รับ IVIg
มีอัตราตายและค่า GBS disability score ลดลงไม่แตกต่างกับกลุ่มที่เปลี่ยนถ่ายพลาสมา
สรุป : กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร ในโรงพยาบาลลำปางมีอุบัติการณ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ปัจจัยที่เพิ่มความรุนแรงของโรคคือ มีถ่ายเหลวเป็นภาวะนำและการหายใจล้มเหลวเป็นอาการแสดงเริ่มแรก การให้อิมมูโนโกลบูลินทางหลอดเลือดดำหรือเปลี่ยนถ่ายพลาสมาในกลุ่มที่มีความรุนแรงสูงทำให้เพิ่มค่ารักษาพยาบาลแต่ช่วยลดความพิการ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เอกวิทยาเวชนุกูล ช. (2022). กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร ในโรงพยาบาลลำปาง. ลำปางเวชสาร, 31(3), 105–114. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/LMJ/article/view/259838
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

McGrogan A, Madle GC, Seaman HE, de Vries CS. The epidemiology of Guillain-Barre syndrome worldwide: a systematic literature review. Neuroepidemiology 2009; 32(2):150-63.

Kuwabara S. Guillain-Barré syndrome: epidemiology, pathophysiology and management. Drugs 2004;64(6):597-610.

van Doorn PA, Ruts L, Jacobs BC. Clinical features, pathogenesis and treatment of Guillain-Barré syndrome. Lancet Neurol 2008;7:939–50.

ก้องเกียรติ กูณฑ์กันทรากร. ประสาทวิทยาทันยุค.พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: พราวเพรส (2002); 2553. หน้า 319-62.

Pithadia AB, Kakadia N. Guillain-Barré syndrome. Pharmacological Reports 2010; 62:220-32.

van Koningsveld R, Steyerberg EW, Hughes RA, Swan AV, van Doorn PA, Jacobs BC. A clinical prognostic scoring system for Guillain-Barré syndrome. Lancet Neurol 2007; 6:589–94.

Hughes RA, Cornblath DR. Guillain-Barre syndrome. Lancet 2005; 366:1653–66.

สืบสาย คงแสงดาว. แนวทางการวินิจฉัยและการรักษาโรคระบบประสาทส่วนปลายที่พบบ่อยในเวชปฏิบัติ. ใน: ประเสริฐ ธนกิจจารุ, กิตติ ชื่นยง, สกานต์ บุนนาค, นภา ศิริวัฒนากุล, สถิตย์ นิรมิตรมหาปัญญา, บรรณาธิการ. อายุรศาสตร์ราชวิถี Best practice in clinical medicine 2010. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร:กรุงเทพเวชสาร; 2553. หน้า 177-93.

van der Meche FG, Van Doorn PA, Meulstee J, Jennekens FG. Diagnostic and classification criteria for the Guillain-Barre syndrome. Eur Neurol 2001;45:133–9.

Elovaara I, Apostolski S, van Doorn P, Gilhus NE, Hietaharju A, Honkaniemi J, et al. EFNS guidelines for the use of intravenous immunoglobulin in treatment of neurological diseases. European Journal of Neurology 2008;15:893–908

Areeyapinan P, Phanthumchinda K. Guillain-Barre syndrome: a clinical study in King Chulalongkorn Memorial Hospital. J Med Assoc Thai 2010;93(10):1150-5.

Jacobs BC, Van Doorn PA, Schmitz PI, Tio-Gillen AP, Herbrink P, Visser LH, et al. Campylobacter jejuni infections and anti-GM1 antibodies in Guillain-Barré syndrome. Ann Neurol 1996;40:181-7.

Mckhann GM , Cornblath DR,Griffin JW, Ho TW, Li CY, Jiang Z, et al. Acute motor axonal neuropathy: a frequent cause of acute flaccid paralysis in China . Ann Neurol 1993;33:333-42. 14. Cheng Q, Wang DS, Jiang GX, Han H, Zhang Y, Wang WZ, et al. Distinct pattern of age-specific incidence of Guillain-Barre syndrome in Harbin, China. J Neurol 2002;249: 25-32.