ระบาดวิทยาของผู้ป่วยตั้งครรภ์นอกมดลูกในโรงพยาบาลลำปาง

Main Article Content

ประเทือง เหลี่ยมพงศาพุทธิ

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาลักษณะทางคลินิกและระบาดวิทยาของผู้ป่วยตั้งครรภ์นอกมดลูก ที่พบในรพ.ลำปาง
วัสดุและวิธีการ : เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบตัดขวาง จากเวชระเบียนผู้ป่วยในของหญิงตั้งครรภ์นอกมดลูก ที่ได้รับการผ่าตัดใน รพ.ลำปาง ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 2547 - 30 เม.ย. 2550 จำนวน 115 ราย บันทึกประวัติการเจ็บป่วยทางนรีเวช การคุมกำเนิด อาชีพ การตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ปริมาณเลือดที่พบในช่องท้อง วิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและหาความสัมพันธ์ของอาการแสดงทางหน้าท้องกับการฉีกขาดของท่อนำไข่ด้วย
Fisher’s exact test
ผลการศึกษา : พบอุบัติการณ์ 9.3 ต่อ 1,000 การเกิดมีชีพ ผู้ป่วยมีอายุเฉลี่ย 28.7 ปี (พิสัย 16-43 ปี) ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง สองในสามไม่ได้คุมกำเนิด หนึ่งในสามเป็นการตั้งครรภ์ที่ 2 ร้อยละ 57.4 มีเลือดออกทางช่องคลอด เฉลี่ย 9.7 วันโดยร้อยละ 10.4 ได้รับการการขูดมดลูก หนึ่งในสี่อยู่ในภาวะช็อค การตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ให้ผลบวกร้อยละ 98.9 การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงให้ผลบวกร้อยละ 98.7 ผู้ป่วยร้อยละ 19 ได้รับการวินิจฉัยล่าช้าแต่ไม่มีรายใดเสียชีวิต การผ่าตัดเกือบทั้งหมดใช้การเปิดหน้าท้องโดยพบที่บริเวณท่อนำไข่ร้อยละ 97.4 และมีการฉีกขาดร้อยละ 48.7 ผู้ป่วยร้อยละ 92 มีการกดเจ็บที่ผนังหน้าท้อง (tenderness) และร้อยละ 36 มีการปวดเกร็งหน้าท้อง (guarding) พบความสัมพันธ์ของการฉีกขาดของท่อนำไข่กับ guarding อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.001) แต่ไม่พบความสัมพันธ์กับ tenderness (p=0.49)
สรุป : ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูกในรพ.ลำปางมีอุบัติการณ์ใกล้เคียงกับรายงานอื่นๆ ผู้ป่วยหนึ่งในห้ามีความล่าช้าในการวินิจฉัย การปวดเกร็งหน้าท้องมีความสัมพันธ์การฉีกขาดของท่อนำไข่อย่างมีนัยสำคัญ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เหลี่ยมพงศาพุทธิ ป. (2022). ระบาดวิทยาของผู้ป่วยตั้งครรภ์นอกมดลูกในโรงพยาบาลลำปาง. ลำปางเวชสาร, 31(1), 20–27. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/LMJ/article/view/259811
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

ธีระ ทองสง, จตุพล ศรีสมบูรณ์, อภิชาต โอฬารรัตนชัย. นรีเวชวิทยา(ฉบับสอบบอร์ด). พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ พี.บี.ฟอเรน บุ๊คส์เซนเตอร์; 2539. หน้า 208-18.

Stovall TG. Early pregnancy loss and ectopic pregnancy. In : Berek JS, editors. Berek & Novak’s gynecology. 14th ed. Philadelphia: Lipincott Williams & Wilkins; 2007. p. 601-35.

ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร, พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ. การตั้งครรภ์นอกมดลูก. ใน สมบูรณ์ คุณาธิคม, มงคล เบญจาภิบาล, มณี รัตนไชยานนท์, สุวนิตย์ ธีระศักดิ์วิชยา, บรรณาธิการ. นรีเวชวิทยา. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ:พี.เอ.ลีฟวิ่ง. 2548; 318-30.

Walker JJ. Ectopic pregnancy. Clin Obstet Gynecol 2007 ; 50: 89-90. 5. Swende TZ, Jogo AA. Ruptured tubal pregnancy in Makurdi, north central Nigeria. Niger J Med 2008; 17:75-7.

Stovall TG, Kellerman AL, Ling FW, Buster JE: Emergency department diagnosis of ectopic pregnancy. Ann Emerg Med 1990;19:1098-103.

Newton J. Ectopic pregnancy better diagnostic methods but still nothing perfect. BMJ 1988; (207): 633-5.

Murray H, Baakdah H, Bardell T, Tulandi T. Diagnosis and treatment of ectopic pregnancy. Canadian Med Assoc J 2005;173:905-12.

Buckley RG, King KJ, Disney JD, Gorman JD, Klausen JH. History and physical examination to estimate the risk of ectopic pregnancy: validation of a clinical prediction model. Ann Emerg Med 1999; 33:283-90

Mol BW, Hajenius PJ, Engelsbel S, Ankum WM, van der Veen F, Hemrika DJ, et al. Should patients who are suspected of having an ectopic pregnancy undergo physical examination?. Fertil Steril 1999;71:155-7.