การใส่ท่อหายใจในแผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาลลำปางและโรงพยาบาลแพร่
Main Article Content
บทคัดย่อ
ภูมิหลัง: การใส่ท่อหายใจเข้าหลอดคอสามารถใส่ได้ทั้งในขณะที่ผู้ป่วยตื่น (awake) ใส่โดยใช้ยาสลบเพียงอย่างเดียว (sedate alone) หรือใช้ยานำสลบแล้วตามด้วยยาหย่อนกล้ามเนื้อ (rapid sequent intubation, RSI) ยังไม่เคยมีการศึกษาวิธีการใส่ท่อหายใจที่แผนกฉุกเฉินในรพ.ลำปางและรพ.แพร่มาก่อน
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาข้อบ่งชี้ ผลลัพธ์และภาวะแทรกซ้อนเปรียบเทียบระหว่างการใส่ท่อหายใจทั้ง 3 วิธี
วัสดุและวิธีการ: เป็นการศึกษาแบบ prospective observational study ในผู้ป่วยที่ได้รับการใส่ท่อหายใจที่แผนกฉุกเฉินรพ.ลำปางและรพ.แพร่ ตั้งแต่มีนาคม-มิถุนายน พ.ศ.2555 จำนวน 253 ราย บันทึกข้อมูลทางคลินิกระยะเวลา จำนวนครั้งและภาวะแทรกซ้อน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา เปรียบเทียบระหว่าง 3 วิธี ด้วยสถิติ Chi-square, Fisher’s exact และ student-t test
ผลการศึกษา: ผู้ป่วยอายุเฉลี่ย 60.1±19.5 ปี (พิสัย 5 เดือน-100 ปี) เป็นผู้ป่วย รพ.ลำปาง 152 รายและรพ.แพร่ 101 ราย ร้อยละ 57.3 เป็นเพศชาย เป็นโรคทางอายุรกรรมร้อยละ 83.0 ทุกรายได้รับการใส่ท่อเข้าทางปากข้อบ่งชี้ที่พบบ่อยที่สุดคือ เพื่อเปิดทางเดินหายใจและป้องกันการสำลัก (ร้อยละ 46.6) วิธี sedate alone ถูกเลือกใช้มากที่สุด (ร้อยละ 49.8) รองลงมาคือ awake (ร้อยละ 28.1) และ RSI (ร้อยละ 22.1) วิธี RSI มักถูกเลือกใช้โดยแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน (p<0.001) วิธี awake และ sedate alone มักถูกเลือกใช้โดยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป(p<0.001) และนักศึกษาแพทย์ (p=0.010) ตามลำดับ วิธี RSI และ awake ใช้เวลาเฉลี่ย 110.2 และ 120.4 วินาที แต่วิธี sedate alone ใช้เวลาเฉลี่ย 231.0 วินาที (p=0.071) ภาวะแทรกซ้อนได้แก่ ใส่ท่อหายใจนาน
(ร้อยละ 28.4) และความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดต่ำ (ร้อยละ 13.8) โดยพบในกลุ่ม sedate alone มากกว่าวิธีอื่น (p=0.018 และ 0.024 ตามลำดับ) การใส่ท่อหายใจได้สำเร็จด้วยการใส่เพียงครั้งเดียวพบสูงสุดในกลุ่มที่ใช้วิธี RSI (ร้อยละ 78.6) รองลงมาคือวิธี awake ร้อยละ 70.4 และ sedate alone ร้อยละ 55.6
สรุป: การใส่ท่อหายใจในแผนกฉุกเฉิน รพ.ลำปางและรพ.แพร่ นิยมใช้วิธี sedate alone มากที่สุด รองลงมาคือ วิธี awake ส่วนวิธี RSI ใช้เวลาน้อยที่สุดและเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ การใส่ท่อหายใจนานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุด จึงควรมีการฝึกสอนวิธี RSI ในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาลงพิมพ์ต้องไม่เคยพิมพ์หรือกำลังได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอื่น เนื้อหาในบทความต้องเป็นผลงานของผู้นิพนธ์เอง ไม่ได้ลอกเลียนหรือตัดทอนจากบทความอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้อ้างอิงอย่างเหมาะสม การแก้ไขหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่กองบรรณาธิการ จะต้องเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะได้รับพิจารณาตีพิมพ์ และบทความที่ตีพิมพ์แล้วเป็นสมบัติ ของลำปางเวชสาร
เอกสารอ้างอิง
Danzl DS, Vissers RJ. Tracheal intubation and mechanical ventilation. In: Tintinalli JE, Kelen GD, Stapczynski JS, editors. Emergency medicine: a comprehensive study guide. 6th ed. New York: McGraw-Hill; 2004.p.108-19.
Walls RM. Airway. In: Marx JA, Hockberger RS, Walls RM, editors. Rosen’s emergency medicine: concepts and clinical practice. 6th ed. Philadelphia: Mosby Elsevier; 2006.p.2-26.
ยอดยิ่ง ปัญจสวัสดิ์วงศ์. การควบคุมทางเดินหายใจในเวชบำบัดวิกฤต Airway management in critical care. ใน: ชายชาญ โพธิรัตน์, บรรณาธิการ. การดูแลด้านระบบการหายใจและเครื่องช่วยหายใจ 2002. พิมพ์ครั้งที่ 1. เชียงใหม่: ธนบรรณการพิมพ์; 2545. หน้า 58-87.
พงษ์ธารา วิจิตรเวชไพศาล. การใส่ท่อช่วยหายใจ. ใน: พงษ์ธารา วิจิตรเวชไพศาล, บรรณาธิการ. การใส่ท่อช่วยหายใจ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: พี.เอ.ลีฟวิ่ง; 2539. หน้า 179- 253.
American College of Surgeons Committee on Trauma. Advanced trauma life support for doctors: student course manual. 8th ed. Chicago: American College of Surgeons; 2008.p.25-42.
ธารทิพย์ ประณุทนรพาล. การดูแลทางเดินหายใจและการหายใจ. ใน: ปรีชา ศิริทองถาวร, รพีพร โรจน์แสงเรือง, ยุวเรศมคฐ์ สิทธิชาญบัญชา, บรรณาธิการ. ตำราการกู้ชีพชั้นสูงของไทย Thai advanced life support. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร:กรุงเทพเวชสาร; 2551. หน้า 160-4.
Sakles JC, Laurin EG, Rantapaa AA, Panacek EA. Airway management in the emergency department: a one-year study of 610 tracheal intubations. Ann Emerg Med 1998;31:325-32.
Dufour DG, Larose DL, Clement SC. Rapid sequence intubation in the emergency department. J Emerg Med 1995;13:705-10.
Li J, Lavoie HM, Bugas C, Martinez J, Preston C. Complications of emergency intubation with and without paralysis. Am J Emerg Med 1999;17:141-3.
Wong E, Fong Y, Ho K. Emergency airway management-experience of a tertiary hospital in south-east Asia. Resuscitation 2004;61:349-55.
Hasegawa K, Hagiwara Y, Chiba T, Watase H, Walls RM, Brown DF, et al. Emergency airway management in Japan: interim analysis of a multi-center prospective observational study. Resuscitation 2012;83:428-33.
Dibble C, Maloba M. Rapid sequence induction in the emergency department by emergency medicine personnel.
Emerg Med J 2006; 23:62-4.
Bushra JS, Mcneil B, Wald DA, Schwell A, Karras DJ. A comparison of trauma intubations managed by anesthesiologists and emergency physicians. Acad Emerg Med 2004;11:66-70.
Levitan RM, Rosenblatt B, Meiner EM, Reilly PM, Hollander JE. Alternating day emergency medicine and anesthesia resident responsibility for management of the trauma airway: a study of laryngoscopy performance and intubation success. Ann Emerg Med 2004;43:48-53.