ปัจจัยที่มีผลต่อการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยโรคหวัดในโรงพยาบาลลำปาง

Main Article Content

ศณิษา ตันประเสริฐ
วิสาขลัคน์ ทับทิม
ศริญญา คำอ้าย
สุปรีญา วรญาณปรีชาพงศ์

บทคัดย่อ

ภูมิหลัง: โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบนส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส แต่พบว่าแพทย์มีการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะอยู่บ่อยครั้ง รพ.ลำปางได้ดำเนินโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล มาตั้งแต่
ปี พ.ศ.2558 เพื่อลดปัญหาดังกล่าว
วัตถุประสงค์: เพื่อหาความชุกและปัจจัยที่มีผลต่อการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยโรคหวัด ใน รพ.ลำปาง
วัสดุและวิธีการ: เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์ภาคตัดขวาง โดยทบทวนเวชระเบียนผู้ป่วยนอก ที่ได้รับการวินิจฉัยด้วยรหัส ICD-10 J00 มีอาการเข้าได้กับนิยามโรคหวัด ตั้งแต่ 1 มิถุนายน - 31 สิงหาคม 2561
วิเคราะห์หาปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้ยาปฏิชีวนะด้วย Chi-Square test และการวิเคราะห์ถดถอยพหุโลจิสติกส์
ผลการศึกษา: มีผู้ป่วยโรคหวัดที่เข้าเกณฑ์การศึกษา 1,240 ราย (1,351 ครั้ง) เป็นเพศหญิงร้อยละ 55.1 ส่วนใหญ่อายุน้อยกว่า 15 ปี (ร้อยละ 58.0) มารับการตรวจที่แผนก กุมารเวชกรรม (ร้อยละ 38.4),
อุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน (ร้อยละ 22.9) และศูนย์สุขภาพชุมชน (ร้อยละ 19.2) ส่วนใหญ่ได้รับการตรวจโดยอาจารย์แพทย์ 679 ครั้ง (ร้อยละ 50.3) รองลงมาคือ แพทย์เพิ่มพูนทักษะ362 ครั้ง (ร้อยละ 26.8) และแพทย์ประจำ
บ้าน 310 ครั้ง (ร้อยละ 22.9) พบการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะ 57 ครั้ง (ร้อยละ 4.2) ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยโรคหวัดได้แก่ กลุ่มอายุ 41-60 ปี (OR=4.52, 95%CI 1.50-13.58, p=0.007) กลุ่มอายุ
15-40 ปี (OR=3.18, 95%CI 1.14-8.85, p=0.027), สิทธิการรักษาแบบเบิกจ่ายตรง (OR=2.85, 95%CI: 1.11-9.08, p=0.042), แผนกอื่นๆ (OR= 8.52, 95%CI 3.65-19.65, p<0.001) และแพทย์ประจำบ้าน
(OR=3.74, 95%CI: 1.44-9.71, p=0.007)
สรุป: การสั่งใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยโรคหวัดใน รพ.ลำปาง มีความชุกต่ำ ปัจจัยที่มีผลต่อการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะได้แก่ กลุ่มอายุ 15-60 ปี, สิทธิการรักษาพยาบาลแบบเบิกจ่ายตรง, แผนกที่ตรวจรักษา และ
แพทย์ประจำบ้าน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ตันประเสริฐ ศ., ทับทิม ว., คำอ้าย ศ., & วรญาณปรีชาพงศ์ ส. (2019). ปัจจัยที่มีผลต่อการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยโรคหวัดในโรงพยาบาลลำปาง. ลำปางเวชสาร, 40(1), 1–9. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/LMJ/article/view/208726
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. Thamlikitkul V, Apisitwittaya W. Implementation of clinical practice guidelines for upper respiratory infection in Thailand. Int J Infect Dis 2004;8(1):47-51.
2. McKay R, Mah A, Law M, McGrail K, Patrick D. Systematic review of factors associated with antibiotic prescribing for respiratory tract infections. Antimicrob Agents Chemother
2016;60(7):4106-18.
3. คณะอนุกรรมการการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล. คู่มือการด?ำเนินงานโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (Rational Drug Use Hospital Manual). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2558.
4. Centor RM, Witherspoon JM, Dalton HP, Brody CE, Link K. The diagnosis of strep throat in adults in the emergency room. Med Decis Making 1981;1(3):239-46.
5. Bagger K, Anni BN, Volkert S, Lars B. Inappropriate antibiotic prescribing and demand for antibiotics in patients with upper respiratory tract infections is hardly different in female versus
male patients as seen in primary care. Eur J Gen Pract 2015;21(2):1-6.
6. ปฏิญญา ปุยะติ, ทิพาพร กาญจนราช. ความชุกและลักษณะของการใช้ยาต้านเชื้อแบคทีเรียในโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน: การศึกษาในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต?ำบลของหน่วยสัญญา
บัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา. วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน 2558;11:253-60.
7. Chirima T, Esterhuizen T. Inappropriate antibiotic prescribing: a cross-sectional study in Swaziland. S Afr Pharm J 2016;83(2):44-9.
8. สำ? นกั งานสาธารณสขุ จังหวดั ลำ? ปาง. รายงานผลการดำเนินงาน RDU ระดับโรงพยาบาลจังหวัดลำปาง [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 3 พ.ย. 2561]. เข้าถึงได้จาก:http://www.lpho.go.th/main/?p=2757
9. Andrajati R, Tilaqza A, Supardi S. Factors related to rational antibiotic prescriptions in community health centers in Depok City, Indonesia. J Infect Public Health 2017;10(1):41-8.
10. พิสนธ์ จงตระกูล. การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลใน primary care. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: วนิดาการพิมพ์; 2560.
11. Grijalva CG, Nuorti JP, Griffin MR. Antibiotic prescriptions rates for acute respiratory tract infections in the United States ambulatory settings, 1995-2006. JAMA 2009;302(7):758-66.
12. กรมบัญชีกลาง. คู่มือสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ [อินเทอร์เน็ต]. 2553 [เข้าถึงเมื่อ 26 ก.ย. 2561]. เข้าถึงได้จาก:https://home.kku.ac.th/praudit/law/07_medical_fee/22_Medical_guide_
government%20officer_CGD_2553.pdf