การพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ ในโรงพยาบาลลำปาง
Main Article Content
บทคัดย่อ
ภูมิหลัง: การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะหายใจล้มเหลวจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ รพ.ลำปาง พบปัญหาความหลากหลายของการปฏิบัติในการดูแลและหย่าเครื่องช่วยหายใจ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลลัพธ์ของการใช้แนวทางการดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจที่พัฒนาขึ้น ต่อคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) รพ.ลำปาง
วัสดุและวิธีการ: เป็นการวิจัยเชิงพัฒนาในผู้ป่วย 321 รายที่รับการรักษาใน ICU 6 แห่ง ของ รพ.ลำปาง แบ่งเป็นกลุ่มก่อนการนำแนวทางฯมาใช้ (กลุ่มควบคุม) 121 ราย ระหว่าง 1-31 มกราคม 2558 และกลุ่มที่มีการนำแนวทางฯมาใช้ (กลุ่มทดลอง) 200 ราย ระหว่าง 1-28 กุมภาพันธ์ 2558 บันทึกจำนวนวันที่ใช้เครื่องช่วยหายใจและคาท่อช่วยหายใจ ระยะเวลาในการหย่าเครื่องช่วยหายใจ อุบัติการณ์การเกิดท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดและการเกิดปอดอักเสบ อัตราการใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำ ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย สำรวจความคิดเห็นของพยาบาลวิชาชีพ เกี่ยวกับการใช้แนวทางการดูแลฯ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วย independent t-test
ผลการศึกษา: จำนวนวันเฉลี่ยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจของทั้ง 2 กลุ่มเท่ากันคือ 4.7 วัน (p=0.959) กลุ่มทดลองมีจำนวนวันคาท่อช่วยหายใจน้อยกว่ากลุ่มควบคุมเล็กน้อย (4.5 ± 5.6 vs 4.7 ± 5.3 วัน, p=0.826) แต่ใช้ระยะเวลาหย่าเครื่องน้อยกว่า (15.1 ± 23.5 vs 30.8 ± 52.5 ชั่วโมง, p=0.020) ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยใน ICU ของทั้ง 2 กลุ่มไม่แตกต่างกัน (p=0.166) อุบัติการณ์ของท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุด ปอดอักเสบและอัตราการใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำใน 48 ชั่วโมงในกลุ่มทดลองต่ำกว่ากลุ่มควบคุม (ร้อยละ 1.43 vs 0.76, 2.84 vs 0.76 และ 3.3 vs 0.5 ตามลำดับ) พยาบาลผู้ใช้งานเห็นว่ามีความง่าย ค่อนข้างสะดวกในการปฏิบัติ ประหยัดเวลาและพึงพอใจค่อนข้างสูง
สรุป: แนวทางการดูแลผู้ป่วยฯ ที่พัฒนาขึ้น ช่วยลดระยะเวลาหย่าเครื่องช่วยหายใจ ลดอุบัติการณ์ของท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุด ปอดอักเสบและอัตราการใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำ
Article Details
บทความที่ส่งมาลงพิมพ์ต้องไม่เคยพิมพ์หรือกำลังได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอื่น เนื้อหาในบทความต้องเป็นผลงานของผู้นิพนธ์เอง ไม่ได้ลอกเลียนหรือตัดทอนจากบทความอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้อ้างอิงอย่างเหมาะสม การแก้ไขหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่กองบรรณาธิการ จะต้องเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะได้รับพิจารณาตีพิมพ์ และบทความที่ตีพิมพ์แล้วเป็นสมบัติ ของลำปางเวชสาร
เอกสารอ้างอิง
2. Goodman S. Implementation a protocol for weaning patient off mechanical ventilation. Nurs Crit Care 2006;11(1):23-32.
3. อนงค์นาฏ บุญรัตน์. ผลการใช้แนวปฏิบัติหย่าเครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยวิกฤติ.วารสารวิชาการเขต 12. 2558;26(1):59-62.
4. พรทิพย์ สุขอดิศัย, ดารารัตน์ ธรรมมะ, บุศริน เอี่ยวสีหยก. การพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บศีรษะที่ได้รับการหย่าเครื่องช่วยหายใจ. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี. 2548;17(1):1-10.
5. นภัสภรณ์ ดวงแก้ว. ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติทางคลินิกส?ำหรับการป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดในหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรมโรงพยาบาลล?ำปาง [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต]. สาขาวิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย, เชียงใหม:่ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่; 2554.
6. Chiang AA, Lee KC, Lee JC, Wei CH. Effectiveness of a continuous quality improvement program aiming to reduce unplanned extubation: a prospective study. Intensive Care Med 1996; 22(11):1269-71.
7. Marelich GP, Murin S, Battistella F, Inciardi J, Vierra T, Roby M. Protocol weaning of mechanical ventilation in medical and surgical patient by respiratory care practitioner and nurses effect on weaning time and incidence of ventilator-associated pneumonia. Chest 2000;118(2):459-67.
8. Miller RL, Cole RP. Association between reduced cuff leak volume and postextubation stridor. Chest 1996;110(4):1035-40.