ธรรมาภิบาลขององค์กรพยาบาลโรงพยาบาลสงฆ์: จากยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงคุณภาพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) วิเคราะห์ สังเคราะห์สภาพปัญหา และสภาพสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อการนำยุทธศาสตร์ธรรมาภิบาลสู่การปฏิบัติ (2) วิเคราะห์ปัจจัยภายในและภายนอกที่ส่งผลต่อการนำยุทธศาสตร์ธรรมาภิบาลสู่การปฏิบัติ และ (3) ศึกษาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการนำยุทธศาสตร์ธรรมาภิบาลที่เหมาะสมขององค์กรสู่การปฏิบัติ เก็บรวบรวมข้อมูลจากการศึกษาเอกสาร และ การสัมภาษณ์เชิงลึกร่วมกับการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลสงฆ์ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง และ ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและคัดเลือกยุทธศาสตร์ วิเคราะห์ข้อมูล ด้วย (1) SWOT 7S-Mckinsey เทคนิคการจับคู่ TOWS Matrix เทคนิคการวิจัยแบบอนาคต EDFR การวิเคราะห์เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และ (2) การเสวนาเชิงสร้างสรรค์
ผลการวิจัยพบว่า สภาพปัญหาและสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อธรรมาภิบาลขององค์กรพยาบาลจากยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย: (1) การมุ่งเน้นสู่ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการองค์กรพยาบาลที่เน้นคุณธรรมนำคุณภาพทำให้ผู้รับบริการคาดหวังผลลัพธ์การรักษาพยาบาลสูง (2) ปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อธรรมาภิบาล ได้แก่ โครงสร้างองค์การใหม่ การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ความก้าวหน้าทางวิชาการ และการรักษาพยาบาลโดยไม่คิดมูลค่า ปัจจัยภายนอก ได้แก่ นโยบายจากกรมการแพทย์ โรงพยาบาลสงฆ์ คุณภาพการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสภาการพยาบาล และมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ (3) ธรรมาภิบาลขององค์กรพยาบาล จากยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์หลัก: 3.1) สร้างความเข้มแข็งด้านการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ตามหลักพระธรรมวินัย 3.2) พัฒนาระบบบริหารจัดการและการดูแลพระสงฆ์ภายใต้หลักธรรมาภิบาล 3.3) สร้างองค์กรพยาบาลเป็นองค์การสมรรถนะสูง และมีความเชี่ยวชาญระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 3.4) การสร้างเครือข่ายการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวสามารถนำธรรมาภิบาลขององค์กรพยาบาลจากยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติได้ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้พระสงฆ์สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ มีสุขภาวะที่ดี และพุทธศาสนายั่งยืน
Article Details
References
Research; 2559. Thai.
2. Thawinvadee B. Good Governance: Principles for new public administration. Journal of King Prajadhipok's Institute. 2013;1(2):8-15. Thai.
3. Thawinvadee B, Wisit, C Tosatham: Indicator of Good Governance. Bangkok: Thammada Printing Press; 2015. Thai.
4. Office of the Public Sector Development Commission (OCSC). A guide to the level of supervision of government organizations according to principles Good
governance of city management (Good Governance Rating). Bangkok: Premier Pro; 2009. Thai.
5. Best J W. Research in education. 5th ed. New Jersey: Prentice Hall, Inc;1986.
6. Chai P. Science and Art of Research, Qualitative. 5th ed. Bangkok: Amarintara Printing and Publishing; 2011. Thai.
7. Thanin S. Research and Statistic of Analysis SPSS, 4th ed. Bangkok: V Inter Printing; 2005. Thai.
8. Chumpol P. Future Research. Journal of Methodology. 1996;1(1):22-4. Thai.
9. Weelen, TL, Hunger JD. Strategic Management and Business Policy. 8th ed. New Jersey: Prentice – Hall; 2002.
10. Porter ME. Competitive strategy: Techniques for analyzing industries and competitors. New York: The free press.;1980.
11. Hunger DL, Wheelen TL. Strategic Management and Business Policy. 11th ed. New Jersey: Prentice – Hall; 2008.
12. Pornchai D. Strategic Development of Private Hospital to be Corporate Governance. Veridian E-Journal, Silpakorn University. 2015;8(3). Thai.