ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสมรรถนะการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ ในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดปทุมธานี

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงบรรยายนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาความสัมพันธ์และอำนาจการทำนายของปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษาและประสบการณ์การทำงาน แรงจูงใจการปฏิบัติงานกับสมรรถนะการปฏิบัติงานของพยาบาล วิชาชีพในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดปทุมธานี กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพ จำนวน 275 คน เครื่องมือที่ใช้เป็น แบบสอบถาม 3 ตอนได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล แรงจูงใจการปฏิบัติงาน และสมรรถนะการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ ตรวจสอบความตรงของเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน วิเคราะห์ความเที่ยงของเครื่องมือโดยทดสอบค่าสัมประสิทธิ์ แอลฟ่าของครอนบาค ได้ค่าความเที่ยงของเครื่องมือ เท่ากับ .85 และ .97 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ ได้แก่ การแจกแจง ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และสถิติวิเคราะห์ถดถอย พหุคูณแบบขั้นตอน กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ผลการวิจัย พบว่า สมรรถนะการปฏิบัติงานของพยาบาล วิชาชีพโดยรวม อยู่ในระดับสูง แรงจูงใจการปฏิบัติงานโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง โดยปัจจัยจูงใจ อยู่ในระดับสูง ปัจจัยค้ำจุน อยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยส่วนบุคคล ไม่มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ ในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดปทุมธานี แรงจูงใจการปฏิบัติงาน มีความสัมพันธ์ทางบวกกับสมรรถนะการปฏิบัติงานของ พยาบาลวิชาชีพ ตัวแปรที่สามารถทำนายสมรรถนะการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพตามลำดับคือ ด้านโอกาสได้ รับผิดชอบงาน ด้านความสำเร็จ และด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคล สามารถร่วมกันทำนายได้ร้อยละ 34.5 ด้านโอกาส ได้รับผิดชอบงาน ด้านความสำเร็จ และด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคล สามารถร่วมกันทำนายได้ร้อยละ 34.5 ข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้ ผู้บริหารทางการพยาบาล ควรส่งเสริม ให้พยาบาลวิชาชีพได้มีโอกาสรับผิดชอบงานและการตัดสินใจ ปรับปรุงวิธีการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Factors affecting job Competency of Professional Nurses in Community Hospital, Pathumthani Province

The research purposes were (1) to study the relationships between personal factors, working motivation, and job competency of professional nurses in community hospitals at Pathumthani Province and (2) to predict the effects of these variables also on their job competency. 275 professional nurses were selected by stratified random sampling technique. A three-part questionnaire was used to collect data validated by 3 experts. The Cronbach’s Alpha reliability of work motivation and competency of professional nurses were .85 and .97 respectively. The statistics were frequency, percentage, mean, standard deviation, Pearson Product Moment correlation and stepwise multiple regression. The findings revealed as follows: Overall mean of professional nurses job competency was at the high level while the overall mean of working motivation was at the moderate level. Similarly, the mean of motivator factor was at the high level while the mean of maintenance factor was at the moderate level. No relationship was found between the professional nurses personal factors and job competency. On the contrary, positive relationships were established between motivational responsibility and professionalism. Competency was at the significant level of .05. Factors predicting job competency of professional nurses were responsibility, achievement and interpersonal relationship at the level of .05. These factors accounted for 34.5 percent. The recommendation was for managers to promote and support professional nurses assuming of more responsibilities and increased participation in decision making to improve work strategies which could increase their working efficiency.