ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิลำไส้ของประชาชน ในพื้นที่ที่มีโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้ เพื่อศึกษาความรู้ เจตคติ พฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิลำไส้และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิลำไส้ของประชาชนในพื้นที่ที่มีโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลากลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชำชนอำยุ 15 ปี ขึ้นไปจำนวน 361 คน โดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ คือแบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรคพยาธิลำไส้ หาค่าความเชื่อมั่น โดยใช้สูตรของ Kuder- Richardson ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .78สำหรับแบบวัดเจตคติและพฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิ ผ่านการหำค่ำความเชื่อมั่นโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค ได้ค่าความเชื่อมั่น .76 และ .66 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนำและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ โดยใช้ Chi – Square Test และสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation)

ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาส่วนใหญ่มีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคพยาธิลำไส้อยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 53.18) และปัจจัยนำด้านปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ ระดับการศึกษาระยะเวลาที่อาศัยในชุมชน การรับข้อมูลข่าวสาร มีความสัมพันธ์ กับพฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิลำไส้อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติ (= 14.62, p = .001; =56.05, p=000; =12.00 , p=.000; =14.51,p=0.24) ปัจจัยเอื้อด้านการมีส้วมใช้ในครัวเรือน และแหล่งน้ำดื่มมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิลำไส้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (= 11.94, p = .003; =19.60, p=001) นอกจากนี้พบว่าปัจจัยนำด้นเจตคติ การป้องกันโรคพยาธิลำไส้มีค่าความสัมพันธ์ทำงบวกระดับปานกลางกับพฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิลำไส้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=.399, p=000)

ดังนั้นหน่วยงานสาธารณสุขควรจัดอบรมให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับพฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิลำไส้ที่ถูกต้อง ส่งเสริมการมีส้วมและใช้ในครัวเรือนที่ถูกสุขลักษณะ ตลอดจนจัดหาแหล่งน้ำดื่มและให้ความรู้การทำน้ำให้สะอาดและปราศเชื้อโรค

Factors Associated with Behaviors in the Prevention of Intestinal Parasite among People living in Border Patrol School Areas of Sabayoi District, Songkhla

This descriptive study aimed to 1) assess knowledge, attitude and behaviors in the prevention of intestinal parasite, and 2) determine factors associated with behaviors in the prevention of intestinal parasite among people living in Border Patrol School Areas of Sabayoi District, Songkhla. A total of 361 samples aged 15 years old and over were recruited by simple random sampling technique. A questionnaire was employed for data collection. Data was analyzed using descriptive statistics and the association between factors and behaviors of intestinal parasite prevention was analyzed by Chi – Square ( - Test) and Pearson Product Moment Correlation.

The results revealed that most of the samples acknowledged on behaviors in the prevention of the intestinal parasite were at a moderate level (58.13%). The association between predisposing factors including gender, education, living period in community, and Perception of health information was statistically significant ( = 14.62, p = .001;  =56.05, p=000;  =12.00 , p=.000;  =14.51, p=0.24 respectively). In addition, the correlation between predisposing factors in cluding attitude about intestinal parasites and behaviors in the prevention of intestinal paracites was statistically significant (r=.399, p=000).

Additionally, the association between reinforcing factors including household toilet use and drinking water, and behaviors in the prevention of intestinal parasite prevention was statistically significant ( = 11.94, p = .003;  =19.60, p=001). Public health institution should provide knowledge to people about proper behaviors to prevent intestinal parasite, in particular using clean toilet, and consuming clean water.