การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง เทศบาลนครรังสิต จังหวัดปทุมธานี
คำสำคัญ:
รูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปาก, ผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง, การมีส่วนร่วม, ภาคีเครือข่ายสุขภาพบทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนานี้ ประยุกต์ใช้ทฤษฎีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ (Health Belief Model)
และทฤษฏีการรับรู้ความสามารถของตน (Self-Efficacy Theory) มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนารูปแบบและ
ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง โดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย
ของเทศบาลนครรังสิต จังหวัดปทุมธานี การดำเนินการวิจัย แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การวิเคราะห์
สถานการณ์สุขภาพช่องปากผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แนวคำถามสนทนากลุ่มและแนวคำถาม
สัมภาษณ์เชิงลึก ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง ระยะที่ 3 ทดลองรูปแบบ
โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้จำนวน 118 คน แบ่งเป็น กลุ่มทดลอง จำนวน 58 คนจากชมรมผู้สูงอายุสร้างบุญ และ
กลุ่มเปรียบเทียบจำนวน 60 คน จากชมรมผู้สูงอายุศูนย์การค้ารังสิต วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติ Paired
sample t-test, Independent t-test ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ (p< 0.05) ผลการวิจัยพบว่า
- รูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง โดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในเทศบาล
นครรังสิต จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย การอบรมให้ความรู้ภาคีเครือข่ายสุขภาพ และอบรมให้ความรู้การดูแล
สุขภาพช่องปาก และฝึกปฏิบัติ ผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง 5 ฐานกิจกรรม
- ผู้สูงอายุโรคเรื้อรังกลุ่มทดลองหลังเข้าร่วมโครงการมีการเปลี่ยนแปลง ผลการตรวจคราบจุลินทรีย์
โดยการย้อมสีคราบจุลินทรีย์ มีคะแนนเฉลี่ยหลังการทดลอง ลดลงกว่าก่อนการทดลอง และลดลงกว่ากลุ่ม
เปรียบเทียบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< 0.05) พฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพช่องปาก ความรู้
เรื่องโรคในช่องปาก ความรู้เรื่องโรคเรื้อรัง การรับรู้ภาวะคุกคามของโรค การดูแลสุขภาพช่องปาก และการรับรู้
ความสามารถตนเองในการดูแลสุขภาพช่องปาก ดีกว่าก่อนการทดลอง และดีกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ อย่างมีนัย
สำคัญทางสถิติ (p< 0.05)
รูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุโรคเรื้อรังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ
ช่องปากได้ดีขึ้น ลดคราบจุลินทรีย์ และมีพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพช่องปาก ความรู้เรื่อง
สุขภาพช่องปาก และการรับรู้ความสามารถตนเองในการดูแลสุขภาพช่องปากดีขึ้น
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารเครือข่าย วิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการหรือเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและวิทยาลัยการสาธารณสุขภาคใต้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้