การศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยคัดสรรของเด็กวัยเรียนและผู้ปกครองระหว่างเด็กที่มีภาวะโภชนาการปกติและเด็กเสี่ยงต่อภาวะเมตาบอลิกซินโดรมในจังหวัดชัยนาท

บทคัดย่อ

          การวิจัยเชิงพรรณนาเปรียบเทียบนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความรู้เกี่ยวกับภาวะเมตาบอลิกซินโดรมของเด็กวัยเรียนและผู้ปกครอง พฤติกรรมการบริโภคอาหาร พฤติกรรมการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมของเด็ก และการสนับสนุนทางสังคมของผู้ปกครองระหว่างเด็กที่มีภาวะโภชนาการปกติและเด็กเสี่ยงต่อภาวะเมตาบอลิกซินโดรม กลุ่มตัวอย่าง คือ เด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 อายุ 10 - 12 ปี และผู้ปกครองในจังหวัดชัยนาท แบ่งเป็นกลุ่มที่มีภาวะโภชนาการปกติ 124 คู่ และกลุ่มเสี่ยงฯ 62 คู่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับภาวะเมตาบอลิกซินโดรม แบบสอบถามพฤติกรรมการบริโภคอาหาร แบบสอบถามพฤติกรรมการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมของนักเรียน ค่าความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 1 และมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ภายในชั้น เท่ากับ 0.99 ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ 0.81 และ 0.83 ตามลำดับ สำหรับผู้ปกครองใช้แบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับภาวะเมตาบอลิกซินโดรม และแบบสอบถามการสนับสนุนของผู้ปกครอง มีค่าความตรงของเนื้อหา เท่ากับ 1 และมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ .090 และ 0.96 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติ Independent t-test และสถิติ Mann-Whitney U test ผลการศึกษา พบว่า ความรู้เกี่ยวกับภาวะเมตาบอลิกซินโดรมของเด็กวัยเรียน และของผู้ปกครอง พฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็กวัยเรียน และการสนับสนุนทางสังคมของผู้ปกครองเกี่ยวกับการบริโภคอาหาร การออกกำลังกายและการทำกิจกรรม ระหว่างเด็กกลุ่มปกติและเด็กกลุ่มเสี่ยงฯ ไม่แตกต่างกัน (z = - 0.400, z = - 0.218, z = - 0.026, t = 0.369, p > .05 ตามลำดับ) พฤติกรรมการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมของเด็กวัยเรียนทั้ง 2 กลุ่ม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 2.860, p < .05) เด็กกลุ่มเสี่ยงฯ มีพฤติกรรมการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมน้อยกว่าเด็กกลุ่มปกติ ผู้ปกครอง ครู และผู้บริหารของโรงเรียนควรสนับสนุนให้เด็กมีพฤติกรรมการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเมตาบอลิกซินโดรมในเด็กวัยเรียน