ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพกลุ่มเจนเนอเรชันเอ็กซ์และกลุ่มเจนเนอเรชันวายในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

บทคัดย่อ

            การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพกลุ่มเจนเนอเรชันเอ็กซ์และกลุ่มเจนเนอเรชันวายและปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพ จำนวน 300 คน ซึ่งสุ่มโดยวิธีการสุ่มแบบขั้นตอน โดยเป็นพยาบาลวิชาชีพกลุ่มเจนเนอเรชันเอ็กซ์ จำนวน 137 คน และกลุ่มเจนเนอเรชันวาย จำนวน 163 คน ใช้แบบสอบถามตอบด้วยตนเอง แบบสอบถามประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ 1) ปัจจัยลักษณะบุคคล 2) ความผูกพันต่อองค์กร 3) ความพึงพอใจในการทำงาน 4) สิ่งแวดล้อมในการทำงาน 5) คุณภาพชีวิตการทำงาน ค่าความตรงตามเนื้อหา อยู่ในช่วง 0.80 - 1 ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.70 - 0.92 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
            ผลการศึกษา พบว่า คุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลเจนเนอเรชันเอ็กซ์และกลุ่มพยาบาลเจนเนอเรชันวายอยู่ในระดับสูง (Mean = 189.31, SD = 18.30 และ Mean = 188.31, SD = 18.56) ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ ได้แก่ รายได้ สิ่งแวดล้อมในการทำงาน ความพึงพอใจในการทำงาน และความผูกพันต่อองค์กร ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์เชิงลบกับคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ ได้แก่ การปฏิบัติงานในวันหยุดสุดสัปดาห์/วันหยุดราชการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .01) ปัจจัยที่สามารถทำนายคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพได้ดีที่สุด คือ ความผูกพันต่อองค์กร ความพึงพอใจในการทำงาน และสิ่งแวดล้อมในการทำงาน สามารถทำนายคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพได้ ร้อยละ 68.4 (B = 4.75, 4.24, 3.38) ตามลำดับ
            ผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะสำหรับผู้กำหนดนโยบายในการส่งเสริมและปรับปรุงให้พยาบาลวิชาชีพมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีด้วยการสร้างความพึงพอใจในการทำงาน ให้ความสำคัญกับบุคลากรในการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเกิดความผูกพันต่อองค์กร และบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้พยาบาลสามารถปฏิบัติงานได้ตามบทบาทและส่งเสริมการทำงานร่วมกันของพยาบาลวิชาชีพต่างเจนเนอเรชัน