ผลของโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการใช้ยาในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพต่อ
พฤติกรรมการใช้ยาในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่เข้า
รับการรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 คน
โดยจับคู่ตัวแปร เพศ อายุ ระยะเวลาที่เป็นโรค กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ ในขณะที่กลุ่มทดลอง
ได้รับโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพ ซึ่งผู้วิจัยพัฒนาขึ้นโดยประยุกต์ใช้แนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ
ใช้ระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรม 5 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม
ข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามการรับรู้ด้านสุขภาพ และแบบสอบถามพฤติกรรมการใช้ยา มีค่าความเที่ยง
สัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.81 และ 0.74 ตามลำดับ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ
ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า
1. คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการใช้ยาของกลุ่มทดลองภายหลังที่ได้รับโปรแกรมความเชื่อด้าน
สุขภาพสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการใช้ยาของกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพสูง
กว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization (WHO). World Heath Statistics 2012. [Internet]. [cited 2014 January 13]. Available from: https://www.who.int.
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสุข ปี 2541-53. [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 13 มกราคม 2557]. แหล่งที่มา: https://bps.ops.moph.go.th/index. php?mod=bps%dos=5.
World Health Organization Regional Office for South-East Asia. Hypertension fact sheet: Department of sustainable development and healthy environment 2011. [Internet]. [cited 13 January 2014]. Available from: https://www.searo.who.int/entity/noncommunicable_diseases/media/non_communicable_diseases_hypertension_fs.pdf.
สํานักโรคไม่ติดต่อ. จํานวนและอัตราตายด้วยโรคไม่ติดต่อและการบาดเจ็บประจําปีปฏิทิน พ.ศ. 2558. [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 19 พฤษภาคม 2560]. แหล่งที่มา: https://thaincd.com/information-statistic/ non-communicable-diseasedata.php.
Hadi N, Rostami-Gooran N. Determinant factors of medication compliance in hypertensive patients of Shiraz, Iran. Arch Iranian Med 2004;7(4):292-6.
van Eijken M, Tsang S, Wensing M, de Smet PA, Grol RP. Interventions to improve medication compliance in older patients living in the community: A systematic review of the literature. Drugs Aging 2003;20(3):229-40.
Chapman RH, Benner JS, Petrilla AA, Tierce JC, Collins SR, Battleman DS, et al. Predictors of adherence with antihypertensive and lipid lowering therapy. Arch Intern Med 2005;165(10):1147-52.
วิชัย เอกพลากร. การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2552. นนทบุรี: เดอะกราฟิโก ซิสเต็มส์; 2553.
อำไพ อักษรศิริ. ผลของการใช้วิธี Directly Observed Therapy ต่อปัญหาการไม่ใช้ยาตามคำ แนะนำในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. [วิทยานิพนธ์เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิก]. สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2545.
วรารัตน์ เหล่านภากุล. เหตุผลในการขาดการรักษาและการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ที่ขาดการรักษาจากโรงพยาบาลโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา. [วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2546.
สวัสดิ์ เที่ยงธรรม. แรงจูงใจและความร่วมมือในการรักษาด้วยยาของผู้ที่เป็นโรคจิตเภท. [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช]. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2547.
Becker MH. The health belief model and sick role behavior. Health Education Monograph Winter 1974;2:409-19.
ประภา เพ็ญสุวรรณ, สวิง สุวรรณ. พฤติกรรมศาสตร์ พฤติกรรมสุขภาพและสุขศึกษา. กรุงเทพมหานคร: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2536.
สุมาลี วังธนากร, ชุติมา ผาติดำ รงกุล, ปราณี คาจันทร์. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการรับประทานยา ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. สงขลานครินทร์เวชสาร 2551;26(6):539-47.
Pires CG, Mussi FC. Health beliefs for the control of arterial hypertension. Cien Saude Colet 2008;13(Suppl2):2257-67.
Joho AA. Factors affecting treatment compliance among hypertension patients in three district hospitals - dares Salaam. [Master’s Thesis]. Muhimbili University of Health and Allied Sciences; 2012.
พันทนีย์ สุวาสุนะ. ผลของตัวอย่างยาที่จัดไว้เฉพาะมื้อที่รับประทานต่อความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยนอกโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์. [วิทยานิพนธ์เภสัช มหาบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิกและการบริหาร]. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี; 2551.
สุภารัตน์ คลื่นแก้ว. ผลของโปรแกรมให้ความรู้ด้านสุขภาพต่อความรู้เรื่องโรคและการใช้ยาในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง. [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผู้สูงอายุ] มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2552.
Gilbert PA, Heiser G. Salt and health: The CASH and BPA perspective. British Nutrition Foundation Nutrition Bulletin 2005;30:62-9.
วัลลา ตันตโยทัย. ทฤษฎีที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ. ใน สมจิต หนุเจริญกุล, วัลลา ตันตโยทัย, รวมพร คงกำเนิด, บรรณาธิการ. การส่งเสริมสุขภาพ. นครศรีธรรมราช: มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์; 2543. หน้า 29-46.
วันทนา รัตนมณี. ผลของโปรแกรมการให้ข้อมูลตามแนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพต่อความร่วมมือในการรักษาของผู้ป่วยโรคต้อหิน. [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพยาบาลศาสตร์]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2556.
กฤษณาพร ทิพย์กาญจนเรขา. ผลของโปรแกรมสร้างเสริมพฤติกรรมป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โดยประยุกต์ใช้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพในผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยง. [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่]. มหาวิทยาลัยบูรพา; 2549.
สุพัตรา บัวที. การพยาบาลกับการสนับสนุนการปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมระดับความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา 2555;18(1):49-61.
Polit DF, Beck CT. Nursing research: principles and methods. 7th ed. New York: Lippincott Williams & Wilkins; 2004.
เยาวลักษณ์ การกล้า. การเสริมสร้างความร่วมมือในการรักษาด้วยยาของผู้ป่วยจิตเภท งานบริการผู้ป่วยนอก. [รายงานการศึกษาอิสระพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช]. มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2550.