ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตำบลสมัย อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง
คำสำคัญ:
Changing health behavior, Diabetes Patients, Self care behavior, Fasting blood sugarบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวานในตำบลสมัย อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 30 คน โดยกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ประกอบด้วย 1) กระบวนการเพิ่มศักยภาพการดูแลสุขภาพตนเองแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวาน 2) กระบวนการสร้างการรับรู้ผลกระทบจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน 3) กระบวนการเสนอแบบอย่างด้านบวกเล่าประสบการณ์ และ 4) ประเมินภาวะสุขภาพ ความรู้และพฤติกรรมสุขภาพหลังใช้โปรแกรม ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวานตามปกติเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามความรู้และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองในป่วยโรคเบาหวาน และเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม 2563 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน paired t – test และ independent t – test
ผลการวิจัย พบว่า ภายหลังการทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้และพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในการดูแลสุขภาพตนเองสูงกว่าก่อนทดลอง และมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่าก่อนทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<.05) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม พบว่าค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้และพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในการดูแลสุขภาพตนเองสูงกว่ากลุ่มควบคุม และมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P <.05) ดังนั้นการใช้โปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวานมีส่วนช่วยสร้างทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่จะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมกับวิถีชีวิต เพื่อให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานต่อไป
References
Boonpradit A.., et al. (2015). The Effects of Self-Efficacy Enhancement Program on Health Behaviors
Among Patients with Diabetes in Nong-Done Disyrict, Saraburi Province. Journal of
phrapokklao nursing college. 27(1). 72-82.
Division of Non Communicable Disease. (2018). World Diabetes Day 2018. Retrieved from:
http://www.thaincd.com/2016/news/announcement- detail.php?id=13256&gid=16 (2020, 20 May).
Health Data Center. (2020). Incidence rates of diabetes. Retrieved from:
https://lpg.hdc.moph.go.th/hdc/reports/.php.ecefebce0001.(2020, 01 May).
Kongpunt P. (2016). Effects of Health Education Programs based on Protection Motivation
Theory and Social Support on Behaviors to Prevent Complications from Kidney
Disease among Type 2 Diabetic Patients. Journal of phrapokklao nursing college.
(1).28-42.
Nakkling Y., et al. (2017). Effect of Self–Efficacy Enhancement Program on Health Behaviors
among Older Adults with Uncontrolled Hypertension. Apheit international journal
(1): 27-35.
Policy development and risk communication. (2019). World Diabetes Day 2019. Division of non-
communicable diseases, Department of disease control. Retrieved from:
https://ddc.moph.go.th/odpc6/news.php?news=10238&deptcode= (2020, 20 May).
Public Health System Development. (2016). World Diabetes Day 2017. [online] Available from:
http://thaincd.com/document/file/info/non-communicable-disease (2020, 20 May).
Suwunsusiri J., et al. (2019). The Result of Health Promoting Program for Diabetes Patients
without Insulin at Damnoensaduak Hospital. Hua Hin sook jai klai kangwon journal.
(1).35-50.
Thongsumrit D., et al. (2017). Effects of Health Behavior Modifying Program on Ability of Self-
care among Risk Group of Diabetes Mellitus in Ratchaburi. Journal of phrapokklao
nursing college. 28(1), 26-35.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2021 วารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือก่อนเท่านั้น
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
อนึ่ง ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความนั้นๆ ไม่ถือเป็นความเห็นของวารสารฯ และวารสารฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับข้อความและข้อคิดเห็นใดๆ ของผู้เขียน วารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาตีพิมพ์ตามความเหมาะสม รวมทั้งการตรวจทานแก้ไขหรือขัดเกลาภาษาให้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด