การวิเคราะห์ระบบการให้บริการผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ จังหวัดลำปาง
คำสำคัญ:
ระบบการให้บริการ ผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์ระบบการให้บริการผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ ของจังหวัดลำปาง มีกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จำนวน 49 คน กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานจำนวน 40 คน บุคลากรสุขภาพ จำนวน 16 คน อสม. จำนวน 8 คน และ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหรือผู้นำในหมู่บ้าน จำนวน 8 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง ระยะเวลาดำเนินการในช่วง เดือน กรกฎาคม - สิงหาคม พ.ศ.2563 วิเคราะห์ข้อมูลปริมาณโดยใช้ ร้อยละ และข้อมูลคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า สถานการณ์ระบบการให้บริการผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ ของจังหวัดลำปาง มีการดำเนินการ 5 ประเด็น ได้แก่ 1) การนำ ธรรมภิบาลการขับเคลื่อนนโยบายโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 2) ระบบข้อมูลข่าวสาร และเทคโนโลยี 3) บุคลากรสุขภาพ 4) งบประมาณและทรัพยากร และ 5) การจัดระบบบริการสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยสอดแทรกกลวิธีการส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วย ดังนี้ 1. การสนับสนุนข้อมูลสุขภาพ ใช้ในการวางแผนการดำเนินงาน จัดทำนโยบายสาธารณะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนเกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน 2. การเสริมสร้างความสามารถและทักษะให้กับทีมบุคลากรสุขภาพ และผู้ป่วยให้มีการจัดการตนเอง 3. ประสานงานสร้างทีมสุขภาพภาคประชาชน ดำเนินกิจกรรมแบบบูรณาการ เพื่อให้บุคคล ครอบครัวและชุมชน สามารถดูแลและจัดการปัญหาสุขภาพของตนได้ด้วยตนเอง
References
Catford, J. (2011). Ottawa 1986: back to the future. Health promotion international, 26, 163-167. Retrieved 01 Dec,
, from: https://doi.org/10.1093/heapro/dar081
Health data center. (2020). Incidence rates of diabetes. Retrieved 01 Dec, 2020, from
https://hdcservice.moph.go.th/hdc/main/index_pk.php. (in Thai)
Kitsuwannaratana1S., Lorga T. and Panchakhan N. (2018). Development of a diabetes care model, lampang 2018. The
southern college network journal of nursing and public health, 7(1), 199-214. (in Thai).
Prang, B. (2017). The effectiveness of self-management program on type 2 diabetic patients in thakor, maesuai
district, chaingrai province. Journal of the police nurses, 9(1), 105-116. (in Thai).
Shakerishvili, G. (2009). Building on health systems frameworks for developing a common approach to health
systems strengthening. Prepared for the world bank, Global fund to fight AIDS, tuberculosis and malaria, and
GAVI alliance. Technical workshop on health systems strengthening, Washington, DC, June 25–27. Retrieved 01
Dec, 2020, from, https://www.who.int/healthinfo/systems/WHO_MBHSS_2010_full_web.pdf.
Streubert, H. J, & Carpenter, D. R. (2007). Qualitative research in nursing: advancing the humanistic Imperative
(4theds.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins.
Surattana, T., & Benjamas, Sk. (2016). A situation study of using chronic care model in caring for diabetes type 2
patients. Journal of health science research, 10(2), 29-40. (in Thai)
Ubonrat, R & Prapas, S. (2019). Effects of case management program on uncontrolled diabetes mellitus patients.
Journal of health Science. 28, 146-151. (in Thai)
Worada, M & Prachak B. (2017). Self-care by patients with diabetes in the regional health
promotion hospital Tambon Huai Mary, Non Muang sub-district, Nonsang district
Nonbualum Phu province. The office of disease prevention and control 7 khon kaen.
(1), 71-79. (in Thai)
World Health Organization. (1986). Ottawa charter for health promotion. Geneva: World health
organization.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2021 วารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือก่อนเท่านั้น
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
อนึ่ง ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความนั้นๆ ไม่ถือเป็นความเห็นของวารสารฯ และวารสารฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับข้อความและข้อคิดเห็นใดๆ ของผู้เขียน วารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาตีพิมพ์ตามความเหมาะสม รวมทั้งการตรวจทานแก้ไขหรือขัดเกลาภาษาให้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด