แรงงานทางอารมณ์ในพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน
คำสำคัญ:
แรงงานทางอารมณ์, การจัดการทางอารมณ์, พยาบาลวิชาชีพบทคัดย่อ
พยาบาลควรได้รับการส่งเสริมความเข้าใจให้เกิดการเรียนรู้ในการจัดการทางอารมณ์ที่ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างตัวบุคคลและสังคมอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อศึกษาแรงงานทางอารมณ์ และวิธีการจัดการทางอารมณ์ของพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้ทฤษฎีชาติพันธุ์วิธีวิทยา (Ethnomethodology) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งโครงสร้าง และการสังเกต กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพจำนวน 16 คน ถูกเลือกแบบเฉพาะเจาะจง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกแบบแก่นสาระ (Thematic analysis)
ผลการศึกษาพบว่าแรงงานทางอารมณ์เกิดขึ้นจริง และกลายเป็นส่วนสำคัญหนึ่งของการปฏิบัติงาน กลุ่มตัวอย่างมีการจัดการทางอารมณ์โดยใช้การกระทำภายนอกและการกระทำภายในอย่างสม่ำเสมอทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ส่วนตัว แรงงานทางอารมณ์ของพยาบาลสามารถจำแนกออกเป็น 3 แก่นสาระ คือ แรงงานทางอารมณ์เป็นพลังแห่งความมุ่งมั่นตั้งใจ แรงงานทางอารมณ์เป็นกระบวนการปรับสภาพทางจิตใจ และแรงงานทางอารมณ์เป็นความรับผิดชอบต่อความสุขและการคาดหวังของผู้อื่น การวิจัยนี้เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของแรงงานทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะปฏิบัติงานที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงและที่ไม่อาจถูกเพิกเฉยได้ โดยแรงงานทางอารมณ์ได้ผสมผสานกับแรงงานทางร่างกายและปัญญาเพื่อทำให้งานสำเร็จอย่างมีคุณภาพ และแนวคิดแรงงานทางอารมณ์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างเสริมสุขภาวะด้านจิตใจของพยาบาลวิชาชีพต่อไป
References
Biron, M. & Veldhoven, M. V. (2012). Emotional labour in service work: Psychological
flexibility and emotion regulation. Human Relations. 65(10), 1259-1282.
Boucher, C. (2016). A Qualitative Study of the Impact of Emotional Labour on Health Managers.
The Qualitative Report. 21(11), 2148-2160.
Fabianowska, J. & Hanlon, N. (2014). Emotional labour in harm-reduction practice in Ireland.
[online], Available: https://www.lenus.ie/handle/10147/314631 (2019, 21 May).
Garfinkel H. (1967). Studies in Ethnomethodology. New Jersey: Prentice-Hall.
Hochschild, A. R. (1979). Emotion work, feeling rules, and social-structure. American Journal of
Sociology. 85(3), 551-575.
Hochschild, A. R. (1983). The Management Heart: The Commercialization of Human Feeling.
Berkely: University of California Press.
Muangman, M. (2017). Emotional Labor in Nursing: A Review. Journal of Health Science R
Research. 11(2), 11-17.
Nowell, L. S., Norris, J. M., White, D. B. & Moules, N. J. (2017). Thematic Analysis: Striving to
Meet the Trustworthiness Criteria. International Journal of Qualitative Methods
, 1–13.
Pfeffer C. A. (2010). “Women’s Work”? Women partners of transgender men doing housework
And emotion work. Journal of Marriage and Family. 72(1), 165-183.
Polit D. F. and C. T. Beck. 2018. Essentials of Nursing Research: Appraising Evidence for
Nursing Practice. (9th ed.) London: Lippincott Williams& Wilkins.
Smith, K. (2019). Invisible Work: A Qualitative Study of the Emotional Labor of Professors.
Theses and Dissertations (All). 1731. https://knowledge.library.iup.edu/etd/1731.
Tamrongrak. A. (2014). Emotional Labour: Public service leadership. Sripatum Review of
Humanities and Social Sciences. 14(1), 138-141. (in Thai).
The Nurses’ Association of Thailand. (2003). Nursing Ethics Issue 2003. [online],
Available: https://www.nur.psu.ac.th/Report_mis/file/b.pdf (2019, 21 May).
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือก่อนเท่านั้น
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
อนึ่ง ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความนั้นๆ ไม่ถือเป็นความเห็นของวารสารฯ และวารสารฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับข้อความและข้อคิดเห็นใดๆ ของผู้เขียน วารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาตีพิมพ์ตามความเหมาะสม รวมทั้งการตรวจทานแก้ไขหรือขัดเกลาภาษาให้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด