ข้อมูลสำหรับผู้แต่ง

ผู้แต่งที่ประสงค์ส่งบทความต้องจัดเตรียมเอกสารดังนี้

  1. ไฟล์  Title page: ชื่อเรื่อง (ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ)  ชื่อผู้นิพนธ์ (ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ) ชื่อหน่วยงานและสถาบันที่ระบุสถานที่ของผู้นิพนธ์ (ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ) และ E-mail address ของผู้นิพนธ์ทุกคน (ตัวอย่าง title page และแบบฟอร์มส่งบทความ)
  2.  ไฟล์นิพนธ์ต้นฉบับและบทความวิจัย:  ชื่อเรื่อง บทคัดย่อและคำสำคัญ (ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ)    บทนำ วัสดุและวิธีการ ผลการวิจัย วิจารณ์ สรุป กิตติกรรมประกาศ เอกสารอ้างอิง ตารางและรูปภาพ ทั้งนี้ต้องไม่ปรากฏชื่อและ  E-mail address ของผู้แต่งอยู่ในต้นฉบับนี้ (ตัวอย่างต้นฉบับบทความวิจัย
  3. Check list การเตรียมต้นฉบับ (เอกสาร Checklist)
  4. หนังสือรับรองการยกเว้นการพิจารณาจริยธรรมโครงการวิจัย (Certificate of Exemption: COE) หรือหนังสือรับรองที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคน (Certificate of Approval: COA) ในกรณีที่บทความเป็นการศึกษาทื่มีความเกียวข้องหรือกระทำในมนุษย์หรือเป็นกรณีศึกษาในผู้ป่วย
  5. ไฟล์เอกสารอื่นๆ (ตาราง รูปภาพ ฯ)

การนำส่งบทความผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น   (Make a submission)
(คู่มือการใช้ระบบ thaijo สำหรับผู้แต่ง)

ค่าธรรมเนียมการเผยแพร่ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

คำแนะนำสำหรับผู้แต่งในการเตรียมต้นฉบับ    ประเภทของบทความ แบ่งออกเป็น 9 ประเภท คือ

  1. บทบรรณาธิการ (Editorials) เป็นบทความซึ่งวิเคราะห์ผลงานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีความสําคัญในวิชาชีพเทคนิคการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง หรืออาจจะเป็นข้อคิดเห็นเพื่อประโยชน์ในด้านการยกระดับวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ให้สูงขึ้น
  2. บทความปริทัศน์(Review Article) เป็นบทความเพื่อฟื้นฟูวิชาการซึ่งรวบรวมผลงานเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ ที่เคยลงตีพิมพ์ในวารสารอื่นมาแล้วโดยนํา เรื่องมาวิเคราะห์ วิจารณ์และเปรียบเทียบเพื่อให้เกิดความกระจ่างแก่ผู้อ่านเกี่ยวกับเรื่องนั้น
  3. นิพนธ์ต้นฉบับ (Original Article) เป็นรายงานเกี่ยวกับผลการวิจัยทางด้านเทคนิคการแพทย์และวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่เกี่ยวข้องโดยไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
  4. บทความพิเศษ (Special Article) เป็นบทความเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไปที่มีเนื้อหาและสาระที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาผู้อ่านวารสารทุกระดับให้ได้รับรู้ความสามารถ เพื่อนํา องค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจํา วัน เช่น เรื่องเกี่ยวกับหลักธรรมะ ศิลปะการพูด ฯลฯ
  5. รายงานการประชุมวิชาการ (Seminar Report) เป็นรายงานจากการประชุมสัมมนาวิชาการที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านวารสารเทคนิคการแพทย์
  6. รายงานกรณีศึกษา (Case Report) เป็นรายงานเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคในผู้ป่วยรายที่น่าสนใจทั้งทางด้านประวัติผลการตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการคลินิกร่วมกัน
  7. บทความวิจัยอย่างสั้น (Short Communication) เป็นบทความวิจัยฉบับย่อ เป็นรูปแบบการรายงานการศึกษาแบบกระชับ อันเนื่องมาจากข้อจํากัดของการศึกษา แต่มีความสมบูรณ์ในเนื้อหาที่นํา เสนอ รูปแบบที่เขียนเป็นลักษณะคล้ายนิพนธ์ต้นฉบับ แต่จะสั้นและกระชับกว่า
  8. จดหมายถึงบรรณาธิการ (Letter to the Editor) เป็นบทความซึ่งเสนอข้อคิดเห็นและประสบการณ์ทางด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องกับงานในสาขาวิชาชีพเทคนิคการแพทย์อย่างสั้นๆ ในรูปของจดหมายถึงบรรณาธิการ
  9. ย่อวารสาร (Abstract Review) เป็นการย่อบทความทางวิชาการด้านเทคนิคการแพทย์และวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์แล้วในวารสารนานานชาติเป็นภาษาไทย

การเตรียมต้นฉบับ

เพื่อให้การตีพิมพ์บทความเป็นไปอย่างถูกต้องและ รวดเ ร็วผู้นิพนธ์จะต้องปฏิบัติต ามรายละเอียด ดังนี้

1. ภาษา ให้ใช้ได้ 2 ภาษาคือภาษาไทยและ/หรือภาษาอังกฤษ ถ้าต้นฉบับเป็นภาษาไทยควรพยายามใช้ถ้อยคํา และศัพท์ภาษาไทยมากที่สุด โดยใช้ตามพจนานุกรมศัพท์แพทย์อังกฤษ-ไทย และพจนานุกรมศัพท์วิทยาศาสตร์ฉบับราชบัณฑิตยสถาน สําหรับคําศัพท์ภาษาอังกฤษที่บัญญัติเป็นภาษาไทยแล้วแต่ยังไม่เป็นที่ทราบกันอย่างแพร่หลาย หรือแปลแล้วเข้าใจยาก ให้กํากับภาษาเดิม (อังกฤษ) ในวงเล็บหรืออนุโลมให้ใช้ภาษาอังกฤษได้

2. ต้นฉบับ พิมพ์ด้วยโปรแกรม Word for Windows ด้วยอักษร Cordia New ขนาด 14 และพิมพ์เลขหน้าที่ตรงกลางขอบล่างของทุกหน้า โดยไม่ต้องพิมพ์ชื่อสกุลผู้นิพนธ์ในต้นฉบับ

3. ชื่อเรื่อง ชื่อผู้นิพนธ์ ชื่อหน่วยงาน/สถาบัน และ email ของผู้แต่งทุกคนให้แยกไฟล์ต่างหาก (Title page)
3.1 ชื่อเรื่อง มีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ซึ่งควรให้สั้นแต่ได้ใจความ ไม่ควรใช้คําย่อในเรื่อง ยกเว้นคํา ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป เช่น NADH ความยาวของชื่อเรื่องควรมีความชัดเจน สามารถบ่งบอกผู้อ่านให้ทราบถึงสาระสําคัญของเนื้อหาและรายละเอียดในตัวบทความ
3.2 ชื่อผู้นิพนธ์ ให้เขียนชื่อต้นและนามสกุลตัวเต็มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไม่ต้องระบุปริญญา ตําแหน่งทางวิชาการ หรือ ตําแหน่งทางราชการ ในกรณีที่มีผู้แต่งหลายคน ระบุชื่อผู้รับผิดชอบบทความและ E-mail address ที่สามารถติดต่อได้ (Corresponding author)
3.3 ชื่อหน่วยงานและสถาบัน ระบุสถานที่ และ E-mail address ของผู้นิพนธ์ทุกคนที่สามารถติดต่อได้

4. รายละเอียดของนิพนธ์ต้นฉบับและบทความวิจัยอย่างสั้นให้เรียงหัวข้อ ตามลําดับต่อไปนี้
4.1 บทคัดย่อ (Abstract) มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ความยาวไม่เกิน 300 คํา
4.2 คําสําคัญ (keywords) มีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ จํานวน 3-5 คํา
4.3 บทนํา (introduction)ประกอบด้วยเหตุผลและวัตถุประสงค์ ในการวิจัย
4.4  วัสดุและวิธีการ (materials and methods)รายละเอียดของเครื่องมือและน้ํายา รวมทั้งขั้นตอนที่สําคัญควรระบุให้ชัดเจน
4.5 ผลการวิจัย (results) เขียนใจความสั้นและชัดเจน อาจใช้ตารางหรือภาพประกอบคําอธิบาย คําอธิบายภาพและตารางให้เป็นภาษาอังกฤษ (สำหรับ legend และเนื้อหาที่ปรากฏในรูปภาพและตารางผลการทดลองต้องเขียนด้วยภาษาอังกฤษเท่านั้น และให้วางไว้ที่ส่วนท้ายของบทความ ดังปรากฏในข้อ 5)
4.6 วิจารณ์ (discussion)
4.7 สรุป (conclusion)
4.8 กิตติกรรมประกาศ (acknowledgements)
4.9 เอกสารอ้างอิง (references) ให้เรียงลําดับเลขตามที่ปรากฏก่อนหลังในเนื้อเรื่อง โดยควรมีไม่เกิน 30 รายการสำหรับบทความวิจัย และ 50 รายการสำหรับบทความปริทัศน์

5. ตาราง แผนภูมิภาพประกอบ ให้แยกไว้ท้ายบทความโดยใช้หนึ่งหน้าต่อหนึ่งตาราง หรือหนึ่งแผนภูมิ สําหรับภาพเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้บันทึกภาพโดยใช้นามสกุล .jpg หรือ .tif สําหรับข้อความและคําอธิบายในตารางและภาพใช้เป็นภาษาอังกฤษ

6. การเขียนเอกสารอ้างอิงในบทความให้ใช้ตัวเลขตามลำดับการอ้างอิงใส่ในวงเล็บและยกกำลัง เช่น  (1-2) สำหรับรายการอ้างอิง (Referrence) ให้เขียนรายการเอกสารอ้างอิงตามระบบ Vancouver ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
6.1 ถ้ามาจากเอกสารภาษาอังกฤษ ให้ใช้ชื่อผู้นิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ เขียนชื่อสกุลตัวเต็มนํา หน้าตามด้วยอักษรย่อของชื่อต้น6.2 ถ้ามาจากเอกสารภาษาไทย ให้แปลเป็นภาษาอังกฤษและต่อท้ายด้วย (in Thai)
6.3 ถ้ามาจากภาษาอื่นให้แปลเป็นภาษาอังกฤษ และให้วงเล็บภาษาเดิมไว้ตอนท้าย เช่น (in Chinese)
6.4 ปีที่อ้างอิงเป็นแบบ ค.ศ.
6.5 การอ้างอิงเอกสารให้ใช้ชื่อย่อของวารสารที่นํามาอ้างอิงตามแบบของ Index Medicus ปีที่ตีพิมพ์ฉบับที่ (volume) หน้าต้นและหน้าสุดท้าย และ DOI (หากมี)
6.6 ตัวอย่างการอ้างอิงเอกสาร
     6.6.1 ผู้นิพนธ์ตั้งแต่ 1 คนถึง 6 คน ใส่ชื่อผู้แต่งทุกคน ถ้ามีผู้นิพนธ์มากกว่า 6 คน ให้ใส่ชื่อผู้แต่งเพียง 3 คนแรกตามด้วยคําว่า et al.
     - Solter NA, Wasserman Sl, Austern KF, et al. Cold urticaria: release into the circulation of histamine and eosinophilic chemotactic factor of anaphylaxis during cold challenge. N Engl J Med 1976; 294: 687-90.
     - Manakul S, Inthachang N. Rapid haemocultures report. J Med Tech Assoc Thailand. 2012; 40: 4300-10. (in Thai)
     6.6.2 ผู้นิพนธ์เป็นคณะหรือกลุ่มบุคคล
     - The Committee on Enzymes of the Scandinavian Society for Clinical Chemistry and Clinical Physiology, Recommended method for the determination of gamma-glutamyltransferase in blood. Scand J Clin Lab Invest 1976; 36: 119-25.
     6.6.3 ไม่มีชื่อผู้นิพนธ์Anonymous.
     - Coffee drinking and cancer of the pancreas (Editorial). Br Med J 1981; 283: 628.
     6.6.4 วารสารประเภท supplement
     - Frumin AM, Nussbaum J, Esposito M. Functional asplenia: demonstration of splenic activity by bone marrow scan (abstract). Blood 1979; 54 (suppl 1): 26a.
     6.7 ตัวอย่างการอ้างอิงหนังสือ
     6.7.1 ผู้นิพนธ์คนเดียว
     - Eisen HN. Immunology: an Introduction to molecular and cellular principle of the immune vesponse, 5th ed. New York: Harper and Row; 1974: 406
     - Wijarm B. The Management of Knowledge toward Performance. Bangkok: Expernet Company; 2004. (in Thai)
     - Chomeya R. Organizational effcetiveness on health care criteria for performance excellence framework in government hospitals in Public Health Region 6. [Ph.D. Thesis in Applied Behavioral Science Research]. Bangkok: Faculty of Graduate School, Srinakharinwirot University; 2003. (in Thai)
     6.7.2 ผู้นิพนธ์เป็นคณะหรือกลุ่มบุคคล
     - American Medical Association Department of Drugs. AMA drug evaluations. 3rd ed. Littleton: Publishing Sciences Group, 1977.
     6.7.3 บรรณาธิการ ผู้รวบรวม ประธานเป็นผู้แต่ง
     - Finegold SM, Martin WJ. Diagnostic Microbiology. 6th ed. St.Louis: C.V. Mosby Company, 1982.
     6.7.4 บทในหนังสือ
     - Weinstein L, Swartz MN. Pathogenic properties of invading Microorganisms. In: Sodenman Wa Jr., Sidenman Wa, editors. Pathologic physiology: mechanisms of disease. Philadelphia: WB Saunders; 1974. p.457-72.
     - Tienboon P. Anthropometric nutrional assessment. In: Chardapisak W, Gosarat C, editors. Ambulatory Pediatrics. Chiang Mai: Sangsilp Publishing; 2007. p. 363-9. (in Thai)
     6.7.5 สิ่งตีพิมพ์ขององค์การต่างๆ
     - National Center for Health Statistics. Acute condition: incidence and associated disability, United State July 1968- June 1969. Rockville, MD: National Center for Health Statistics, 1972 (Vital and health statistics, Series 10: Data from the National Health Survey, no 69) (DHEW publication no. (HSM) 72-1036).
     6.7.6 หนังสือรายเดือนและรายปักษ์
     - Roueche B. Annals of medicine: the Santa Claus culture. The New York 1971 Sep. 4: 66-81.
     6.7.7 หนังสือพิมพ์รายวัน
     - Shaffer RA. Advances in chemistry are starting to unlock mysteries of the brain: discoveries should help cure alcoholism and insomnia, explain mental illness. How the messangers work. Wall Street Journal 1977 Aug. 12:1 (col 1), 10 (col 1).
6.8 ตัวอย่างการอ้างอิงเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
     6.8.1 CD-ROM
     - Anderson SC, Poulsen KB, Anderson’s electronic atlas of hematology [CD-ROM]. Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins; 2002.
     6.8.2 บทความวารสารทางอินเทอร์เน็ต (Journal article on the Internet)
     - Sanders GD, Bayourni AM, Holodnity M, et al. Cost-effectiveness of HIV screening in patients older than 55 year of age. Ann Intern Med [serial on the Internet]. 2008 Jun [cited 2008 Oct 7]; 148 (12). Available from: http://www.annals.org/cqi/reprint/148/12/889.pdf
     6.8.3 หนังสือทางอินเทอร์เน็ต(Monograph on the Internet)
     - Foley KM, Gelband H, editors. Improving palliative care for cancer [monograph on the Internet]. Washington: National Academy Press; 2001 [cited 2002 Jul 9]. Available form: http://www.nep.edu/books/0309074029/html/
     6.8.4 โฮมเพจ/เว็บไซต์ (Homepage/Website)
     - Cancer–Pain. org [homepage on the Internet]. New York: Association of Cancer Online Resources, Inc.; c 2000-01 [cited 2008 Oct 3]. Available from: http:// www.cancer-pain.org/