การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านปฏิกิริยาไกลเคชัน และ ต้านการอักเสบของสมุนไพรไทยสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ผู้แต่ง

  • กัญญาณัฐ เปี่ยมงาม เปี่ยมงาม

คำสำคัญ:

โรคเบาหวาน, ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ, ฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาไกลเคชัน, ฤทธิ์ต้านการอักเสบ, สมุนไพรไทย

บทคัดย่อ

านวิจัยนี้ได้ศึกษาปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวม  ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ  ฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาไกลเคชัน และฤทธิ์ต้านการอักเสบในสารสกัดจากพืชที่มีสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน   ได้แก่ ใบกะเพรา ใบเตย ใบตำลึง วุ้นว่านหางจระเข้ ผลมะระขี้นก  และใบชะพลู  ที่เตรียม 2 วิธี คือ วิธีคั้นสดแล้วทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง (freeze-drying)  และวิธีสกัดด้วยเอทานอลเข้มข้นร้อยละ 70  ผลการศึกษาพบว่า สารสกัดเอทานอลมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสารสกัดน้ำคั้นสด   ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวม สารสกัดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีที่สุด คือ สารสกัดเอทานอลจากใบกะเพรา (IC50 = 7.39± 1.56  ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร)    ซึ่งออกฤทธิ์สูงกว่าสารมาตรฐาน   butylatedhydroxytoluene (BHT) (IC50   = 78.56  ± 8.34 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร)  ส่วนฤทธิ์ต้านไกลเคชันพบเฉพาะในสารสกัดเอทานอล เท่านั้น  โดยสารสกัดเอทานอลจากใบตำลึง (0.1  มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร) มีร้อยละความสามารถต้าน ไกลเคชันสูงที่สุด  คือ  36.86  ± 2.19  ซึ่งสูงกว่าของสารมาตรฐาน aminoguanidine (32.55  ± 1.56) สำหรับฤทธิ์ต้านการอักเสบ สารสกัดเอทานอลจากใบเตยหอมสามารถยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ไดถึงร้อยละ 88.6 ± 1.85 และมีฤทธต้านการอักเสบดีเทียบเท่าสารมาตรฐาน aminoguanidine (89 ± 4.36) นอกจากนี้ผลทดสอบความสามารถยับยั้งการผลิตพรอสตาแกลนดิน E2    พบว่าสารสกัดเอทานอลจาก ใบชะพลูมีฤทธิ์ยับยั้งได้ร้อยละ  81.7 เมื่อเทียบกับสารมาตรฐาน indomethacin ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งร้อยละ 85.1 ผลจากการศึกษานสามารถน ไปพัฒนาต่อยอดการศึกษาทางยาและอาหารเสริมซงจะเป็นประโยชน์ อย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

 

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2021-03-31

How to Cite

ฉบับ

บท

นิพนธ์ต้นฉบับ