การพัฒนาความปกติใหม่ของคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจในระยะ Active Phase ต่อความปลอดภัย

บทคัดย่อ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ แนวทางในการดำเนินงานในโรงพยาบาลยังไม่ชัดเจน การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความปกติใหม่ของคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (New Normal of Acute Respiratory Tract Infection (ARI) Clinic) ในระยะ Active Phase ต่อความปลอดภัย และประเมินผลลัพธ์ของการพัฒนาความปกติใหม่ของคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา (R&D) แบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ศึกษาสถานการณ์ ระยะที่ 2 การพัฒนาคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจในระยะ Active Phase และ ระยะที่ 3 ประเมินผลลัพธ์ของการพัฒนา กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยนอกที่มีอาการหรือมีประวัติเป็นไข้และมีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจทุกรายที่มารับบริการในช่วงเวลาที่ศึกษาจำนวน 551 ราย โดยได้มาอย่างสุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา และวิเคราะห์ค่าความแตกต่างของร้อยละของความถูกต้องในการคัดกรองระบบทางเดินหายใจ และ COVID-19 (Proportion difference test) การเกิดรูปแบบความปกติใหม่ของคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ ในระยะ Active Phase มี 3 ส่วนประกอบคือ 1) 2P safety 2) Prevention to Epidemic 3) Access to Triage & screening of COVID-19 ผลการวิจัย พบว่า ผู้ป่วยได้รับการคัดกรองเพื่อเข้าสอบสวนโรค PUI ร้อยละ 9.38 ได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ร้อยละ0.54 มีความผิดพลาดจากการคัดกรองเพื่อส่งสอบสวนโรค ร้อยละ 1.45 มีความผิดพลาดจากจุดสกรีนอุณหภูมิส่งต่อมาที่ ARI Clinic ร้อยละ 10.16 ได้รับการคัดกรองจากอาการสงสัย ร้อยละ 100 มีการ repeat/confirm จากการเอกซ์เรย์ทรวงอก ร้อยละ 3.63 เมื่อนำมาวิเคราะห์ค่าความแตกต่างของร้อยละของความถูกต้องในการคัดกรอง URI และ COVID-19 พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05 (Z=11.49,P=0.00)) จากการพัฒนาความปกติใหม่ของคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจในระยะ Active phase ต่อความปลอดภัย วิธีการและขั้นตอนสำคัญคือการคัดกรองผู้มารับบริการให้ถูกต้อง แม่นยำ ซึ่งส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพต่อคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ สามารถคัดกรองแยกผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัย